สถาบันธนารักษ์รับยังดูแลบำบัด "เสก"อยู่-ด้านนักร้องดังกับเมีย โพสต์ฉะกันนัว
ดูท่าจะไม่จบง่ายๆสำหรับเรื่องระหองระแหงของครอบครัวร็อคสตาร์เมืองไทย เสก-โลโซ กับกานต์ วิภากร ศุขพิมาย ที่เริ่มวิวาทะกันผ่านโลกออนไลน์ โดยเสก ระบุว่าสาเหตุของความระหองระแหง มาจากการที่ภรรยาสาวติดเที่ยว ขณะที่กานต์ ตอกกลับถึงปัญหาชู้สาว
ล่าสุดซุปเปอร์สตาร์ขาร็อคก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก SEK LOSO อีกครั้งว่าภรรยาไปปลอมลายเซ็นต์เบิกเงินจากธนาคาร แถมยังขโมยปืนของตัวเองไปอีก รวมทั้งพูดถึงปัญหายาเสพติดของตัวเอง
นอกจากนี้ยังโจมตีหมอจากสถาบันธัญรักษ์ที่เข้ามาตรวจ โดยระบุว่ากำลังจะทำลายศิลปินขวัญใจคนไทย
ทั้งนี้เจ้าตัวยังยืนยันว่ามีสติดี ไม่ต้องห่วง และจะพยายามสะสางเรื่องราววุ่นๆนี้ให้จบภายในสัปดาห์หน้า
ส่วนกานต์ - วิภากร ก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Wiphakorn Sookpimay ตอบโต้กลับอย่างดุดัน พร้อมยอมรับว่าเป็นคนพาหมอไปหาเสก เพื่อให้รักษา
ส่วนเรื่องปืน กานต์ยอมรับว่าเอามาเอง เพราะเกรงว่าเสกอาจจะคลุ้มคลั่งจนเกิดอันตรายได้ พร้อมโพสต์ภาพปืนในเฟซบุ๊ก ทำเอาแฟนคลับร้อนๆหนาวๆกันไปตามกัน ต้องระดมโพสต์ข้อความขอให้ทั้งคู่ใจเย็นๆ
ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อไปยัง นพ.วิโรจน์ วีรชัย ผู้อำนวยการสถาบันธัญญารักษ์ ก็เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการเดินทางไปเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับทางสถาบัน เนื่องจาก นพ.อังกูร เป็นผู้ดูแลนายเสกสรรค์ ในช่วงที่เดินทางเข้ามารักษาตัวที่สถาบันฯ ทั้งนี้ ในแง่ของการดูแลผู้ป่วยที่เข้ามารับการบำบัด ที่สถาบันฯ จะมีการให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจ่ายยา ซึ่งผู้ป่วยต้องเข้ามาตามกำหนดนัด เพราะในบางรายจำเป็นต้องรักษาด้วยการกินยาอย่างต่อเนื่อง โดยสถาบันฯ จะมีเกณฑ์วัดระดับอาการอยู่ และเปรียบผู้ที่เสพติดเหมือนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อย่างโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ ที่ต้องรับยาอย่างต่อเนื่อง หากไม่ควบคุมอาการให้ดีก็จะทำให้โรคกำเริบและมีอาการรุนแรงได้ ส่วนกรณีของนายเสกสรรค์ ก็ทราบว่ายังต้องรับยาช่วยปรับอารมณ์อยู่เช่นกัน
นพ.วิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับการรักษาจะแบ่งกลุ่มตามระดับอาการ โดยมีการกำหนดลักษณะของอาการไว้ หากอยู่ในกลุ่มระดับอาการรุนแรง ก็จะต้องใช้เวลาในการบำบัดรักษาอย่างต่อเนื่อง 3-5 ปี หากติดไม่มากก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ซึ่งกลุ่มที่เสพยาไอซ์ ยาบ้า ถือว่ามีฤทธิ์การเสพติดมากกว่า เหล้า แต่น้อยกว่าเฮโรอีน ทั้งนี้ การบำบัดจะมีหลายรูปแบบ ทั้งการปรับพฤติกรรม การกินยาเพื่อควบคุมอาการ และจะต้องมีการรับคำปรึกษา เพื่อปรับยาตามระดับอาการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มที่อยู่ในข่ายติด จำเป็นต้องใช้ยาช่วย ซึ่งยาก็มีด้วยกันหลายกลุ่ม เช่น ต้านความซึมเศร้า เพื่อช่วยเรื่องอารมณ์ เพราะการเสพยาจะทำให้สารเคมีในสมอง เช่น สารโดปามีน ผิดปกติไป ซึ่งการใช้ยาจะช่วยปรับสารเคมีในสมองได้
“ที่ผ่านมา สถาบันฯ จะให้การช่วยเหลือเรื่องการบำบัด ในผู้ที่สมัครใจรับการบำบัด และกรณีศาลสั่งให้บำบัดเนื่องมาจากคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับ และยังพบว่ามีกรณีที่ญาติทำการร้องขอสถาบันฯเพื่อขอความช่วยเหลือ กรณีที่ผู้เสพมีอาการรุนแรง จนอยากพาตัวมารับการบำบัด โดยสถาบันฯ จะมีแพทย์ และ เจ้าหน้าที่ ที่จะไปยังบ้านเพื่อดูแลอาการให้สงบลงโดยการฉีดยา เพื่อรับตัวเข้าบำบัด เป็นต้นแต่ในส่วนของนายเสกสรรค์ ผมไม่ทราบรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวภายในครอบครัว อาจจะมีการร้องขอแพทย์ หรือ ไปเยี่ยมด้วยความห่วงใย”นพ.วิโรจน์ กล่าว
ด้านนพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การติดตามผู้ที่เสพยาเสพติดเป็นวิธีอย่างหนึ่ง โดยจะมีระบบการเยี่ยมบ้าน การติดตามโดยมีบุคลากรที่ทำงานอย่างต่อเนื่องและจะต้องเป็นคนที่เคยคุ้นเคย เคยพูดคุย และคอยให้คำปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำ ซึ่งจะมีกระบวนการ มีทีมติดตามภายหลังการรักษาอยู่ ซึ่งการติดตามในลักษณะนี้จะไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่เน้นไปที่การให้คำปรึกษามากกกว่า อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ไม่มีสิทธิบังคับรักษานอกจากจะมีคำสั่งศาลเท่านั้น
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
