เมื่อวันที่ 14 กันยายน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ฯ(กสทช.)
ทวิตเตอร์ส่วนตัว Supinya Klangnarong ชี้แจง หลังจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อฯ ไปยังประชาชน โดย ทวิตเตอร์ น.ส.สุภิญญา ระบุว่า ช่อง3 ควรต้องปรับปรุงแก้ไขข้อเท็จจริงเรื่องความคืบหน้าการวางโครงข่าย@ThaiPBS+ททบ.5 ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กสทช.เป็นหน่วยงานรัฐ ที่กำกับดูแลช่อง3 หรือใคร ล้วนวิจารณ์ได้เต็มที่ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีการท้วงข้อเท็จจริง สื่อฯที่รับผิดชอบควรปรับปรุงแก้ไข วันนี้มีการทักท้วงข้อเท็จจริง เรื่องความคืบหน้าการวางโครงข่าย @ThaiPBSและททบ.5 ถ้าทางช่อง3รับทราบแล้วควรแก้ไขให้ถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณสื่อ
“ไม่ว่าคุณจะเป็นสื่อในระบบอนาล็อก หรือดิจิตอล สิ่งที่ควรมีเช่นเดียวกัน คือ ศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ จรรยาบรรณสื่อสารมวลชน ความรับผิดชอบต่อคนดู ช่อง3 ทนการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลไม่ได้ถึงขั้นไปฟ้องหมิ่นประมาทและพรบ.
คอมพิวเตอร์ฯ แต่กลับใช้สื่อใหญ่ในมือบิดข้อเท็จจริง ฝากไปยังนักข่าว คนอ่านข่าว คนเล่าข่าว บก.ข่าว หรือนักแสดงในช่อง 3 ทั้งหมด พิจารณาตนเองในเรื่องจรรยาบรรณ ถ้าเสนอผิดข้อเท็จจริงคุณควรแก้ไข” จากทวิตเตอร์ น.ส.สุภิญญา
จุดยืนผู้บริหารช่อง3 ในฐานะนักธุรกิจเป็นอย่างไรนั้นเรื่องหนึ่ง แต่จรรยาบรรณนักวิชาชีพสื่อพื้นฐานก็ต้องฝากสมาคมสื่อฯช่วยดูแลด้วย
จุดยืนส่วนตัวไม่เห็นด้วยเรื่ององค์กรของรัฐไปฟ้องหมิ่นสื่อและคนวิจารณ์ แต่ควรร้องเรียนให้แก้ไข กรณี กทค. กสทช.ฟ้อง @thaipbs ดิฉันก็คัดค้าน
วานนี้(13กันยายน) ที่ คุณประวิทย์ Ch3 เปรียบเทียบเรื่องการสิ้นสุดสภาพจากฟรีทีวีระดับชาติ เหมือนการถูก กสทช.บังคับให้แปลงเพศ อันนี้จะเข้าข่ายsexistได้ ดิฉันสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพสื่อมาโดยตลอด ไม่เห็นด้วยหน่วยงานรัฐฟ้องหมิ่นสื่อฯ พร่ำเพรื่อ ควรใช้การร้องเรียนแทน แต่วันนี้กลับถูกสื่อฯใหญ่ฟ้องหมิ่นเสียเอง