โรงจำนำลดดอก ต้อนรับเปิดเทอม

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ว่า

ในช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค. เป็นช่วงเปิดภาคเรียนของนักเรียน นักศึกษา กระทรวงฯ ในฐานะกำกับดูแลสถานธนานุเคราะห์ ซึ่งเป็นโรงรับจำนำของรัฐ จำนวน 33 แห่ง แบ่งเป็น กทม. 29 แห่ง และที่นนทบุรี

ปทุมธานี สมุทรปราการ ระยอง

จังหวัดละ 1 แห่ง จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยการรับจำนำลง สำหรับวงเงินไม่เกิน 3,000 บาท เหลือร้อยละ 0.75 ต่อเดือน วงเงินตั้งแต่ 3,001-10,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน และวงเงิน

ตั้งแต่ 10,001-50,000 บาท

ดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.-16 ก.ค.นี้ ทั้งนี้ จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีผู้มาใช้บริการสถานธนานุเคราะห์ทั้ง 33 แห่งแล้ว 78,627 ราย

แบ่งเป็นอาชีพ 5 อันดับแรก

คือ 1. รับจ้าง 2. พ่อบ้าน แม่บ้าน 3. ค้าขาย 4. ข้าราชการ และ 5. นิสิต นักศึกษา ส่วนประเภททรัพย์สินที่มีการนำมาจำนำมากที่สุด คือ 1. ทอง นาก เพชร 2. กล้องถ่ายรูป 3. นาฬิกาข้อมือ 4. โทรทัศน์ และ 5. วิทยุเทป

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า

ประชาชนที่มาใช้บริการสถานธนานุเคราะห์นั้น เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี พ.ศ. 2548 มีผู้มาใช้บริการจำนวน 960,354 ราย มีวงเงินรับจำนำและไถ่ถอน 8 พันกว่าล้านบาท ปี 2549 มีผู้มาใช้บริการ 1,075,417 ราย

มีวงเงินรับจำนำและไถ่ถอน 1 หมื่น

กว่าล้านบาท ดังนั้น จึงต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2548 ใช้เงินทุนหมุนเวียน 606 ล้านบาท ปี 2549 ใช้ 667 ล้านบาท ส่วนปี 2550 คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการราว 1,157,000 คน

มีเงินทุนหมุนเวียนดำเนินการอยู่ 600 ล้านบาท

และตลอดปีคาดว่าจะใช้เงินหมุนเวียน 1,500 ล้านบาท จึงจะเสนอเรื่องเข้า ครม. เพื่อหาเงินเพิ่มอีก 900 ล้านบาท โดยจะเปิดประมูลคัดเลือกสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ยต่ำและให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

ด้านนายวัลลภ พลอยทับทิม

ปลัดกระทรวงการพัฒนาฯ กล่าวว่า ในช่วงที่สถานธนานุเคราะห์ปรับลดดอกเบี้ยในช่วงเปิดภาคเรียนนับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. ได้เตรียมเงินไว้ 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอ เพราะขณะนี้ยังคงมีเงินเหลืออีก 480 ล้านบาท โดยเทียบกับปีที่แล้วซึ่งใช้เงินจำนวน 308 ล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ