มูลนิธิกระจกเงาเผยมีข้อมูลหลายอย่างบ่งชี้ “คุณยายขายผัดไทราชวัตร” มีอาการป่วยทางจิตเวช ไม่ใช่อาการหลงลืมหรือมีภาวะสมองเสื่อม แนะนำพบแพทย์จิตเวชได้ทำการประเมินและหาแนวทางรักษาตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต 2551
โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา รายงานว่า หลังจากมีข่าวทางโซเชียลฯ มีการพูดถึงกันมากเรื่อง "คุณยายขายผัดไทราชวัตร (ยายหรั่ง) ขายผัดไทไม่ไหวแล้ว" หลังได้รับการแจ้งผ่านเพจโครงการผู้ป่วยข้างถนน ทางทีมโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา พบขัอมูลหลายอย่างที่บ่งชี้ในเบื้องต้นว่าคุณยายมีอาการป่วยทางจิตเวช ไม่ใช่อาการหลงลืมหรือมีภาวะสมองเสื่อมเพียงอย่างเดียว ข้อบ่งชี้ที่สำคัญมีดังต่อไปนี้
1.ในระหว่างการพูดคุยกับคุณยาย คุณยายมีอาการเห็นภาพหลอน เห็นคนและมีปฎิกิริยาตอบโต้กับภาพหลอนนั้น เช่น การไล่ การบอกให้คนอื่น ๆ ช่วยไล่ หรือ การคิดไปเองว่ามีคนปีนบ้านที่แกพักอาศัยอยู่ ซึ่งคนหรือเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงให้ข้อมูลตรงกันกับพฤติกรรมดังกล่าวของคุณยายและยืนยันว่าไม่มีใครกระทำการดังกล่าว
2.ในส่วนข้อมูลในโพสต์กระทู้ pantip ที่ระบุว่าคุณยายถูกทำร้ายร่างกาย แต่เมื่อสอบถามกับทางชาวบ้านและเพื่อนบ้านยืนยันตรงกันว่า "ไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น" ซึ่งทางทีมประเมินได้ว่าคุณยายได้จินตนาการเรื่องดังกล่าวขึ้นเองเนื่องด้วยอาการป่วยทางจิตเวชของทางคุณยายเอง
3.ในส่วนข้อมูลในโพสต์กระทู้ pantip ที่ระบุว่าคุณยายมีการนั่งหลับอยู่ในบางครั้งที่ออกมาขายผัดไท ในกรณีนี้ได้สอบถามข้อมูลกับทางชาวบ้านและเพื่อนบ้านได้ความว่า ในช่วงกลางคืนคุณยายจะไม่ได้นอนเพราะมีพฤติกรรมพูดบ่นอยู่ตลอดทั้งคืน และจะมานอนในช่วงเช้า ซึ่งเป็นพฤติกรรมของอาการจิตเวชเช่นกัน
4.มีการพูดคนเดียวบ่นคนเดียวตลอดเวลาและพูดจาวกวนตลอดทุกครั้ง
5.ภายในบ้านและส่วนของหน้าบ้านของคุณยายเองไม่ได้รับการทำความสะอาด ยิ่งบริเวณส่วนของหน้าบ้านมีขยะกองสุมกันมากพอควรมีหนู มีแมลงสาบ และได้กลิ่นฉี่หนูอย่างรุนแรงซึ่งเป็นพฤติกรรมหนึ่งของคนที่เป็นผู้ป่วยจิตเวชที่ขาดการจัดการหรือดูแลความสะอาดของตัวเองและที่อยู่
ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือหรือทางแก้ไขปัญหาควรเริ่มต้นจาก สาเหตุอาการป่วยทางจิตของคุณยายเพื่อป้องกันเหตุอื่นๆ ที่จะเกิดตามมาจากอาการป่วยที่เพิ่มระดับมากขึ้น เช่น การพลัดหลง การอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมตลอดเวลา การที่อาการป่วยทางจิตจะพัฒนาเป็นอาการป่วยทางจิตที่เรื้อรังส่งผลให้การดำรงชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก
แนวทางการช่วยเหลือที่เหมาะสม ได้แก่ 1.ควรนำส่งคุณยายให้แพทย์จิตเวชได้ทำการประเมินและหาแนวทางรักษาตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต 2551 2.ควรมีการตรวจเช็คร่างกายร่วมด้วย เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่บ้านน่าจะมีการส่งผลต่อสุขภาพไม่มากก็น้อย 3.จัดเตรียมกระบวนการรองรับในหลักของการดูแลคุณภาพชีวิตหลังจากคุณยายสิ้นสุดการรักษาหรืออยู่ในขั้นตอนของการรักษา โดยหน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่นที่มีภารกิจในการดูด้านสาธารณสุขและด้านสังคมต้องขยับเข้ามาทำงานเชิงรุกเพื่อการสนับสนุนดูแลอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของการทานยาจิตเวชอย่างต่อเนื่อง การจัดสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและชุมอย่างเหมาะสม