หลังจากที่ประชุม คสช.ได้อนุมัติที่เห็นชอบส่ง กฎหมายเพื่อใช้ในการดูแล และแก้ไขปัญหาพระพุทธศานา โดยเป็นร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และส่งให้ สนช.พิจารณานั้น
สำหรับกฎหมายดังกล่าวจะกำหนดให้รัฐอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตามแนวทางที่กำหนด
อาทิ สนับสนุนการบริหารการปกครองคณะสงฆ์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกำหนดให้มีคณะกรรมการอุปถัมภ์ และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ในระดับจังหวัดและจัดตั้งคณะกลางขึ้นในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีกองทุนฯ รวมทั้งในร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวยังมีการกำหนดโทษต่อผู้ที่กระทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
โดยมีรายงานว่าบทกำหนดโทษ ตาม พ.ร.บ. อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... ที่เสนอโดย คสช.
มีการกำหนดโทษดังนี้หมวด 8 บทกำหนดโทษ
มาตรา 30 พระภิกษุใดกระทำการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยทำการเสพเมถุน หรือ กล่าวอวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งมีในตนหรือไม่มีในตนก็ดี ก่อให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีจนถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา31 ผู้ใดเป็นผู้ร่วมกระทำผิด หรือสนับสนุนในการกระทำความผิดตามมาตรา30ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น
มาตรา32 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ให้หลักศาสนธรรมเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี หรือปรับตั้งแต่สองพันถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา33 พระภิกษุ สามเณรใด มีไว้ในครอบครองซึ่งสื่อวิดิทัศน์ หรือวัตถุใดๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน เกี่ยวกับลามกอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา34 พระภิกษุ สามเณรใด ดื่มสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอื่นใด จนไม่สามารถครองสติได้จนเป็นเหตุให้เสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา35 พระภิกษุ สามเณรใด กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในบทบัญญัติ นั้นๆ หนึ่งในสาม