เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี หนึ่งในหญิงสาวที่รับจ้างเป็นแม่อุ้มบุญให้กับ นายชิเกตะ มิตซูโตกิ ทายาทมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ณัฐพล ล่อดงบัง พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อให้ปากคำในคดีอุ้มบุญ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
น.ส.พลอย เปิดเผยว่า ทราบข้อมูลการว่าจ้างอุ้มบุญทางเว็บไซต์แห่งหนึ่ง เมื่อติดต่อไปก็มีตัวแทนบอกว่าเป็นการทำเอาบุญ
เพื่อช่วยเหลือผู้ที่อยากมีบุตร แต่ไม่สามารถมีได้ โดยตกลงค่าจ้างที่ราคา 3 แสนบาท ก่อนที่จะเข้ารับการตรวจร่างกายกับ นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนกุล แพทย์เจ้าของคลินิคออลไอวีเอฟ ที่ชั้น 12A ห้องเลขที่ 12A04 และชั้น 15 อาคารศิวาเทล ถ.วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. จากนั้นได้ทำการฝังตัวอ่อนเมื่อช่วงกลางปี 2555
น.ส.พลอย เล่าต่อไปว่า เมื่อถึงเดือนมิถุนายน 2556 ได้มาทำการคลอดที่รพ.กรุงเทพคริสเตียน
ซึ่งมี นพ.พิสิฐ เป็นผู้ทำคลอดให้ ด้วยวิธีการผ่าคลอด ได้ทารกเพศชาย ชื่อ“ฟูจิกะ” หลังคลอดตนก็ได้พักฟื้นที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะกลับบ้าน โดยที่ไม่ได้เซ็นเอกสารรับตัวเด็ก ต่อมาทราบว่ามีหญิงคนหนึ่ง ชื่อ “น้อยหน่า” ได้นำตัวทารกอุ้มบุญไปที่เดอะนิชคอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ส่วนตนก็ได้รับเงินค่าจ้าง แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกับทางผู้ว่าจ้างอีกเลย
“ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าผู้ต้องการบุตรคือใครและไม่เคยรู้จักนายชิเกตะมาก่อน เคยเจอเพียง 2 ครั้งหลังคลอดบุตร และไปทำเรื่องขอรับรองบุตรที่ศาล โดยพูดคุยกันผ่านล่ามเท่านั้น เมื่อทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้ความร่วมมือเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ตอนรู้สึกเป็นห่วงเด็ก เนื่องจากมีความผูกพันที่อุ้มท้องมาหลายเดือน อยากรู้ว่าเด็กเป็นอย่างไรบ้าง” แม่อุ้มบุญ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี เปิดเผยความคืบหน้าคดี ว่า
เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำแม่อุ้มบุญไปแล้วทั้งสิ้น 4 ราย เหลืออีก 7 ราย ซึ่งจะทยอยเดินทางเข้ามาให้ปากคำ ก่อนที่จะสรุปสำนวนอีกครั้ง การสอบปากคำที่ผ่านมา แม่อุ้มบุญทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยให้การตรงกันว่า น.พ.พิสิฐ เป็นผู้ทำคลอดให้ และได้ค่าจ้าง 3 แสนบาท ขณะนี้ พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างหาความเชื่อมโยงแม่อุ้มบุญทั้ง 11 คน ว่าได้รับการติดต่อกับนายหน้าคนเดียวกันหรือไม่
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีหมู่บ้านรับจ้างอุ้มบุญที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ว่า
อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน(อสม.) ที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านอุ้มบุญทั้ง 4 แห่ง ได้ทยอยส่งข้อมูลหญิงมีครรภ์และหญิงหลังคลอด 1 ปี รวมทั้งหญิงวัยเจริญพันธุ์ให้แก่สาธารณสุขตำบลเพื่อทำการแยกวิเคราะห์ข้อมูล ก่อนส่งให้ทางสาธารณสุขอำเภอและนายอำเภอหล่มสัก ขณะเดียวกันทางผู้นำหมู่บ้านได้มีการสำรวจรายชื่อหญิงในหมู่บ้าน ที่เคยรับและอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ในการรับจ้างอุ้มบุญในขณะนี้เช่นกัน โดยล่าสุดก็ยังพบด้วยว่า มี อสม.ในหมู่บ้านที่ตกเป็นข่าวจำนวน 3 รายที่เคยรับจ้างอุ้มบุญไปแล้ว
แหล่งข่าวในหมู่บ้านอุ้มบุญ เปิดเผยว่า ขณะนี้นายหน้าได้ติดต่อให้แม่อุ้มบุญที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หลบออกจากหมู่บ้านไปก่อน เนื่องจากคลินิกถูกปิด โดยรอให้ข่าวเงียบสักพักจึงกลับมาใหม่ ทำให้แม่อุ้มบุญบางรายหลบไปพักที่บ้านญาติพี่น้องในตำบลใกล้เคียง
วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภาคภูม พูลศิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า
ขณะนี้ได้ทำการสอบปากคำพยานที่เป็นแม่รับจ้างอุ้มบุญทั้ง 11 คนไว้ครบแล้ว รวมถึงพยานปากอื่นๆ ในส่วนของสำนวนคดีนั้นใกล้แล้วเสร็จ รอเพียงคำให้การของนายชิเกตะที่จะต้องมาให้ข้อมูลว่า ที่ทำเด็กอุ้มบุญนั้น มีวัตถุประสงค์ใด หากพบว่าเป็นการนำไปเพื่อการค้ามนุษย์ ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา และหากพบว่าเป็นการกระทำภายนอกราชอาณาจักรก็จะประสานพนักงานอัยการเพื่อ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนที่ต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ จะมีการออกหมายเรียกนายชิเกตะเป็นครั้งที่ 2 ในเร็วๆ นี้