เจอตัวแล้ว สาวชื่อ น้อยหน่า นายหน้ารับอุ้มบุญ

แม่อุ้มบุญรายที่ 5 เข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.ลุมพินี แล้ว เผยชื่อ "น.ส.น้อยหน่า" รับเป็นเอเย่นต์ดำเนินการให้พ่อชาวญี่ปุ่น ด้านโปลิศลาดพร้าวระบุสำนวนใกล้เสร็จสิ้น เหลือสอบปากคำพ่อชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียว

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ไพฑูรย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี แม่อุ้มบุญรายที่ 5 ในคดีอุ้มบุญให้กับพ่อชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.อ.เดชา พรมสุวรรณ์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลุมพินี โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด ทั้งนี้ พ.ต.อ.เดชา เปิดเผยว่า น.ส.ไพฑูรย์ ให้การสอดคล้องกับแม่อุ้มบุญรายอื่นๆที่เข้าให้ปากคำมาก่อนหน้านี้ว่า นายชิเกตะพร้อมล่ามได้เดินทางเข้าติดต่อโดยตรง อ้างว่าต้องการให้ตนช่วยอุ้มบุญให้ เนื่องจากตัวเองไม่สามารถมีบุตรได้ พร้อมกับเสนอค่าจ้าง 3 แสนบาท และให้ค่าเลี้ยงดูอีก 12 เดือน เดือนละ 12,000 บาท โดยแม่อุ้มบุญรายนี้ได้เข้าตรวจร่างกาย กับ นพ.พิสิฐ สันติวัฒนากุล เจ้าของสถานพยาบาลออลไอวีเอฟ เวชกรรม ย่านเพลินจิต และได้การฝังตัวอ่อน ช่วงกลางปี 2556 จากนั้นได้คลอดเด็กทารกเพศชาย ที่โรงพยาบาลเอกชนย่านสายไหม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากคลอดแล้วก็ได้นำเด็กไปไว้ที่คอนโดย่านลาดพร้าว โดย นายชิเกตะ ได้เดินทางมาเยี่ยม 1 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันเด็กคนนี้ยังอยู่ในการดูแลของกระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ขณะที่รายงานข่าวระบุว่า ขั้นตอนหลังจากคลอดลูกอุ้มบุญ จะมีเอเย่นต์สาวชื่อ “น้อยหน่า”เป็นผู้ดำเนินการแจ้งเกิดเด็กอุ้มบุญทั้งหมด โดยในใบแจ้งเกิดนั้นระบุชื่อ นายมิตสุโตกิ ชิเกตะ เป็นพ่อ และมีแม่อุ้มบุญลงชื่อเป็นชื่อแม่ จากนั้น น.ส.น้อยหน่า ก็จะโทรศัพท์มาหาแม่อุ้มบุญให้ลงชื่อในคำสั่งศาล เพื่อมอบบุตรให้ นายชิเกตะ ปกครองแต่เพียงผู้เดียว จึงจะจ่ายเงินที่ให้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพื่อเรียก น.ส.น้อยหน่า ซึ่งขณะนี้ตำรวจทราบชื่อจริงแล้ว ให้เข้ามาให้ปากคำ

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พูลศิริโภคา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.ลาดพร้าว กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอุ้มบุญในพื้นที่รับผิดชอบว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ทำการสอบปากคำพยานที่เป็นแม่เด็กอุ้มบุญ ทั้ง 11 คน ไว้ครบแล้ว รวมถึงพยานปากอื่นด้วย ซึ่งในส่วนของสำนวนคดีนั้นใกล้แล้วเสร็จ เหลือเพียงคำให้การของ นายชิเกตะ พ่อชาวญี่ปุ่น ที่จะต้องเข้ามาให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ว่า กรณีที่ทำเด็กอุ้มบุญทั้ง 9 คนนั้น มีวัตถุประสงค์ใด หากพบว่าเป็นการนำไป เพื่อการค้ามนุษย์ ก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหา แต่ถ้าหากพบว่าเป็นการกระทำภายนอกราชอาณาจักร ก็จะประสานพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน ที่ต่างประเทศด้วย โดยขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้ประสานไปยังทนายความของ นายชิเกตะ ขอให้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ก่อนสิ้นเดือน ส.ค. นี้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจนว่า จะเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันเวลาใด ก็จะมีการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ สน.ลุมพินี นั้น ได้มีการประสานข้อมูลกันตลอด สำหรับกรณีที่มีสื่อรายงานข่าวว่า ทางการไทยจะส่งตำรวจไปสอบปากคำ นายชิเกตะ ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นเพียงข้อเสนอจากทนายความของ        นายชิเกตะ ว่า หากตำรวจจะเดินทางไปสอบปากคำที่ประเทศญี่ปุ่น ก็มีความเป็นไปได้ โดยตนจะประสานกับ นายชิเกตะ มาให้ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง เพราะทางลูกความไม่มั่นใจในความปลอดภัย หากเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็ได้มีการประสานงานกับตำรวจสากล เพื่อติดตามข้อมูลเชิงลึกของ นายชิเกตะ ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้