มหาเถรสมาคม ไม่เอาผิด พระคึกฤทธิ์

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่หอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม
 
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม พิจารณากรณีร้องเรียนผ่านสำนักพุทธฯ และคสช. เกี่ยวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี ยึดศีลปาฏิโมกข์ 150 ข้อ โดยที่ประชุมมหาเถรฯ มีมติยืนยันศีลพระสงฆ์เถรวาทไทย 227 ข้อ ยึดตามพระวินัยปิฎก ซึ่งได้กำหนดให้มีการสวดศีลปาฏิโมกข์ จำนวน 227 ข้อ 

ส่วนที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์กล่าวอ้างถึงที่มาของศีลปาฏิโมกข์เพียง 150 ข้อ

โดยนำหลักฐานอ้างอิงมาจากพระสูตรนั้น ที่ประชุมมหาเถรฯ พิจารณาแล้วว่า ศีลในพระสูตรจะต่างจากในพระวินัยปิฎก ที่มีการกำหนดไว้ 227 ข้อ ดังนั้นมหาเถรฯ จึงมติจะทำคำอธิบายที่มาที่ไปของศีล 227 ข้อ ให้ชัดเจน โดยมอบหมายเจ้าคณะปกครอง จ.ปทุมธานี ไปชี้แนะและอธิบายให้พระอาจารย์คึกฤทธิ์รับทราบ เพื่อดำเนินการแก้ไข โดยที่พระอาจารย์คึกฤทธิ์ไม่ต้องเข้ามาชี้แจงที่ประชุมมหาเถรฯ แต่อย่างใด พร้อมทั้งออกประกาศมหาเถรฯ ให้คณะสงฆ์ไทยทั่วประเทศ ยึดศีลปาฏิโมกข์ 227 ข้อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะ เพื่อเป็นบรรทัดฐานความเข้าใจที่ตรงกันด้วย

"การกระทำของพระคึกฤทธิ์ไม่ถือว่าผิด ท่านไม่มีเจตนาบิดเบือน เนื่องจากท่านอ่านหนังสือคนละเล่มกัน ซึ่งอาจจะยังมีเนื้อหาไม่ครบถ้วน และในที่ประชุมมหาเถรฯ มีการกล่าวกันว่า ที่ผ่านมาการสวดปาฏิโมกข์ก็มีไม่ถึง 150 ข้อ จนกระทั่งสุดท้ายมีการเพิ่มเติมจนถึง 227 ข้อ แต่พระคึกฤทธิ์นำหลักในพระสูตร 150 ข้อเท่านั้นมาเผยแผ่ ขณะที่คณะสงฆ์ไทยจะยึดจากพระวินัยปิฎก 8 เล่ม โดยเฉพาะเล่มที่ 2 กับเล่มที่ 8 สรุปชัดเจนว่า ศีลปาฏิโมกข์มี 227 ข้อ" ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าว และว่า ส่วนการสวดศีลปาฏิโมกข์ไม่ถึง 227 ข้อจะมีความผิดหรือไม่นั้น เป็นเรื่องการปกครองคณะสงฆ์ โดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 กำหนดให้มหาเถรฯ เป็นองค์กรที่มีหน้าที่รักษาระเบียบและพระธรรมวินัย ตลอดจนคำสอนทุกอย่างไว้ หากมีการฝ่าฝืนจะต้องพิจารณาตามมูลเหตุที่เกิดขึ้นว่ามีเจตนาอย่างไร ถึงจะพิจารณาการกำหนดลงโทษ