นักบินอวกาศสหรัฐ ถ่ายภาพกรุงเทพฯ ราตรี จากนอกโลก ผ่านทวิตเตอร์ เจอแสงสีทั้งในกรุงและกลางอ่าวไทย
ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 เผยไม่มีนโยบายตัดสายผู้ร้องเรียน กรณีรถนิสสันขับสวนเลน คาดสายหลุดไม่ก็ผิดพลาดทางเทคนิค ด้าน สน.เตาปูน-ดุสิต ขอตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ลั่นเตรียมออกหมายเรียกเจ้าของรถมาสอบสวนแจ้งข้อหา
กรณีคลิปรถเก๋งนิสสัน อัลมีร่า สีบอรนซ์เงิน ทะเบียน 1กท 2385 ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหน้า
ซึ่งบริเวณกระโปรงรถด้านบนมีร่องรอยบุบคล้ายเพิ่งเกิดอุบัติเหตุ ขับย้อนศรสวนเลนบนถนนพระราม 5 มุ่งหน้าสะพานสูงบางซื่อ ด้วยความเร็วโดยไม่เปิดไฟฉุกเฉินขอทาง หรือแสดงความจำเป็นเร่งด่วน จนมาถึงบริเวณช่วงหน้ากรมการทหารสื่อสาร กีดขวางช่องทางรถคันอื่นที่วิ่งมาในเลนของตัวเอง แต่ผู้ขับขี่รถนิสสันกลับไม่ยอมหลบทางให้ แต่จอดหยุดนิ่งนานกว่า 3 นาที จากนั้นจึงบีบแตร และกระพริบไฟสูงใส่รถอื่นอย่างไร้มารยาทเป็นเหตุให้การจราจรติดขัด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประสบเหตุระบุว่า “เนื่องจากรถคันดังกล่าวติดฟิล์มมืด เกรงว่าผู้ขับขี่อาจมีอาวุธ จึงไม่กล้าลงจากรถเพื่อไปสอบถามผู้ขับรถคันดังกล่าว เมื่อพยายามโทรแจ้งตำรวจ 191 กลับไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ มีเพียงคำแนะนำให้รอสายต่อไป กระทั่งถูกตัดสายทิ้งหลังผู้แจ้งรอสายได้ประมาณ 1 นาที จนกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ว่า หากเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ๆคงไม่สามารถขอความช่วยเหลือ หรือติดตามคนร้ายได้ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลในจุดนี้ด้วย"
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ส.ค. จ.ส.ต.เกรียงศักดิ์ สอนบุญตา เจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 (ศูนย์รวมข่าว)
เปิดเผยว่า “ปกติการทำงานของศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 จะรับแจ้งเหตุจากผู้แจ้งทุกสาย พร้อมประสานงานสายตรวจและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับประชาชนทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น แม้จะโดนตำหนิก็ต้องรับฟัง ที่ผ่านมาไม่เคยตัดสายของผู้แจ้งเหตุทิ้ง ที่สำคัญทุกสายจะได้รับการบันทึกเสียงเก็บไว้ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดผู้เสียหายสามารถขอข้อมูลย้อนหลังได้ สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นขณะนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของระบบสวิทซ์ หรือสายหลุดระหว่างรอสาย ทั้งนี้ปัจจุบันมีประชาชนโทรเข้ามาที่ 191 เฉลี่ยวันละ 10,000 สาย เป็นเรื่องขอความช่วยเหลือประมาณ 4,000 สาย และสายก่อกวน 6,000 สาย
ด้าน พ.ต.ท.คำรน เมตตาวิวัฒน์ รอง ผกก.จร. สน.เตาปูน กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นคลิปดังกล่าว
และยังไม่ได้รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา แต่หากมีหลักฐานชัดเจนทางเจ้าหน้าที่สามารถส่งหมายเรียกขอตรวจสอบเจ้าของรถ และผู้ขับขี่มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เบื้องต้นผู้ขับขี้รถดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดี 2 ข้อหาคือ ขับขี่ยานพาหนะโดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และขับขี่ย้อนเส้นทางโดยไม่มีเหตุจำเป็น โดยจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการต่อไป ขณะเดียวกัน ตำรวจ สน.ดุสิต คนหนึ่งเปิดเผยว่า ยังไม่แน่ชัดว่าพื้นที่เกิดเหตุอยู่จุดไหน ทั้งนี้หากตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบก็จะเร่งติดตามคนขับรถมาแจ้งข้อหาต่อไป.