พบแล้วรถทะเบียนอภิสิทธิ์ที่แท้เจ้าหน้าที่ยูเอ็นดีพี

หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี ) เปิดปากยอมรับรถทะเบียนอภิสิทธิ์ที่ขับรถย้อนเส้นทางเป็นรถของเจ้าหน้าที่จริง ย้ำชัด "ยูเอ็นดีพี" ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำตามกฎหมายของทุกประเทศที่ไปประจำการ

หลังมีกระแสต่อต้านพฤติกรรมผู้ขับรถรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำ ยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ ทะเบียนสีฟ้า (ทะเบียนองค์กร) อ11-0060
 
ที่ขับรถย้อนและบีบแตรไล่รถยนต์คันอื่นที่วิ่งมาอย่างถูกกฎหมายตามกฎจราจรให้ถอยหลัง จนกลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงความเหมาะสม เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเซียลมีเดียอย่างหลากหลายช่องทาง หนึ่งในนั้นมีผู้โพสข้อความในเว็บพันทิปว่า “รถคันนี้ไม่ใช่รถฑูตนะคะ ถ้าเป็นรถฑูตจะขึ้นต้นด้วย ท. แต่ถ้า อ. จะเป็นรถขององค์กรระกว่างประเทศ รถคันนี้รหัส 0060 เป็นรถของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี ) เจ้าของอยู่ UN AIDSคนขับวันนั้น อยู่ UN ESCAP คะ”

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ได้ติดต่อไปยังสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ยูเอ็นดีพี

ได้รับคำตอบจาก มิสเตอร์ดักลาส เอชแมน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ว่า รถคันดังกล่าวไม่ใช่รถของ ยูเอ็นดีพี อย่างเป็นทางการ แต่เป็นรถส่วนบุคคลที่ได้ทะเบียนของ ยูเอ็นดีพี ซึ่งทะเบียนดังกล่าวได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มกันจริง ต่อข้อคำถามว่าในวันเกิดเหตุรถคันดังกล่าวมีภาระกิจเร่งด่วนหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจนถึงวันนี้ เรายังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวออกไปจาก ยูเอ็นดีพี และเราไม่ทราบว่าเหตุการณ์เท็จจริงเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่เราสามารถพูดได้คือ ยูเอ็นดีพี ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศนั้นต้องเคารพกฏหมายของท้องถิ่นนั้นๆด้วย”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คนไทยเห็นคลิปดังกล่าวแล้วมีกระแสตอบรับในทางไม่ดี แล้วทาง ยูเอ็นดีพี มีความคิดเห็นเช่นไร

มิสเตอร์ดักลาสตอบถึงกรณีนี้ว่า “ผมไม่มีความคิดเห็นส่วนตัว ได้ดูคลิปดังกล่าวเพียวครั้งเดียวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เพียงไม่กี่นาที ถ้าจะให้ผมตอบคำถามนี้ แน่นอนเมื่อผมดูคลิปแล้ว ผมไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ แต่เราต้องยอมรับว่าทุกคนสามารถทำข้อผิดพลาดได้เช่นกัน บางครั้งก็เป็นเหตุสุดวิสัย แต่อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าทางยูเอ็นดีพี ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ทำตามกฎหมายของประเทศที่ไปประจำการอยู่ดี ส่วนการประชุมพูดคุยเรื่องดังกล่าว ผมขอตอบอย่างสุภาพว่ายังไม่มีและเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของ ยูเอ็นดีพี ผมขอไม่พูดอะไรมาก”