ผู้ใหญ่บ้านคำหมาในร่องเข ออกมาเผยสาเหตุ พ่อแม่นักเรียนหญิงอายุ 12 ปี ออกจากหมู่บ้านเนื่องจากชาวบ้านเชื่อว่าเป็นผีปอบ ขอให้ย้ายออกจากหมู่บ้านส่วนครอบครัวน้องเขียวต้องลำบากแร่รอนออกหาทำงานต่างถิ่น ทิ้งลูกไว้ในหมู่บ้านตามลำพัง
คืบหน้า เด็กหญิงพิสมัย (หรือน้องเขียว) งอกสุก อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข ตำบลนาเลิน อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ถูกทิ้งให้อยู่บ้านเพียงลำพัง มีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบากต้องออกรับจ้างเพื่อนบ้านดูแลคนป่วย ชักผ้า ทำงานบ้าน เลี้ยงเด็ก เพื่อแลกอาหารและเงินมาเรียนหนังสือ อยู่ด้วยความอดทนและความเหงา ไม่ร่าเริงเหมือนเด็กในวัยเดียวกัน สาเหตุจากหลายปัญหาที่มารุ่มเร้าครอบครัว ทำให้เป็นคนพูดน้อยและขาดความมั่นใจ
นายบันลือ แสงชมพู ผู้ใหญ่บ้านคำหมาในร่องแข ได้เล่าถึงสาเหตุที่พ่อแม่ของเขียวหายออกไปจากหมู่บ้าน ว่า เมื่อประมาณ 9 ปีที่ผ่านมาทางหมู่บ้านเกิดเหตุมีคนเจ็บและคนตายหลายรายทางหมู่บ้านได้ไปเชิญหมอธรรม(ร่างทรง)ที่ชาวบ้านมีความเชื่อถือมาเข้าทรงว่าเกิดจากสาเหตุทำให้คนในหมู่บ้านเกิดเจ็บป่วยและตายไปหลายราย ซึ่งร่างทรงบอกว่ามีปอบในหมู่บ้านและปอบตนนั้นก็คือคนในบ้านน้องเขียวชาวบ้านจึงเดินทางมาขอร้องให้พ่อข้องน้องเขียวพาครอบครัวออกไปจากหมู่บ้าน
ซึ่งครอบครัวน้องเขียวก็หนีออกจากหมู่บ้านตั้งแต่คืนที่ชาวบ้านมาขอร้องให้ออกไปโดยผู้ใหญ่บอกว่าไม่มีการขับไล่แต่มาขอให้ออกไปจากหมู่บ้านหากพ่อแม่ของน้องเขียวจะกลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านอีกต้องเลิกเป็นปอบชาวบ้านจึงจะยินยอมให้กลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านส่วนน้องเขียวซึ่งเป็นลูกสาวพ่อแม่เข้านำกลับมาไว้ที่บ้านหลังที่อยู่ปัจจุบัน พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยหลังเอากลับมาฝากเข้าเรียนหนังสือไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่น้องเขียวอีก น้องเขียวอยู่คนเดียวโดยมีเพื่อนบ้านที่สงสารเอาข้าวมาให้กินหากวันไหนโรงเรียนหยุดเพื่อนบ้านจะนำอาหารจากทางวัดมาให้น้องเขียวกิน หากเป็นวันจันทร์ถึงศุกร์ทางโรงเรียนได้ให้อาหารกลางวันและให้ห่อกลับบ้านเป็นอาหารมือค่ำส่วนบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบันเป็นบ้านที่ทาง อบต.นาเลินได้มาสร้างให้อยู่อาศัยแต่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อาศัยอยู่เพราะเป็นที่ดินของ อบต.
ด้านนางฉวีนุช พะวัง คุณครู โรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข กล่าวถึงน้องเขียวว่า เป็นเด็กขยัน คุณครูในโรงเรียนรักใคร่เอ็นดูทุกคน เนื่องจากเด็กเป็นคนไม่ค่อยพูดเป็นคนเรียบร้อยและขยัน ใช้อะไรก็ทำ เป็นเรียนไม่ทันเพื่อน แต่ก็มีความพยายามท่องและสะกดหนังสือด้วยตัวเองบางครั้งครูก็ช่วย เป็นเด็กที่พยามที่จะช่วยเหลือตัวเองตลอดไม่ค่อยเอ่ยปากให้ใครมาช่วย ใครมีงานให้ทำก็จะอาสาไปทำเพื่อที่จะได้เงินมาโรงเรียน ได้เงินมาก็จะนำมาฝากคุณครูให้นำไปฝากธนาคารให้ ซึ่งขณะนี้น้องเขียวมีเงินฝากในธนาคารออมสินจำนวน 600 บาท เป็นเงินเก็บที่ใช้เวลาหลายปี เงินนี้จะเบิกมาใช้ไม่ได้ต้องรอให้จบชั้น ป. 6 จบการศึกษาจะให้สมุดบัญชีเด็กนักเรียนที่ฝากทุกคน
ด้านนายศรีมูล ช่วยสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเขกล่าวว่าทางเรียนและทางเขตการศึกษาได้พยายามช่วยเหลือเด็กเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ทางโรงเรียนได้ส่งชื่อนักเรียนรายนี้เป็นนักเรียนยากจนและต้องการความช่วยเหลือไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่3 ขอให้เข้ามาช่วยเหลืออยู่ ส่วนพ่อแม่ของเด็กนักเรียนไม่เคยเห็นมาหาเด็กหลายปีและไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ไหน
ด้านเด็กหญิงพิสมัย(หรือน้องเขียว) เล่าถึงความเป็นอยู่ในขณะนี้ก่อนที่ตนเองจะมาโรงเรียนได้ไปรับจ้างร้านค้าในหมู่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน เลี้ยงน้อง ดูแลช่วยเหลือคนพิการ เพื่อให้ได้เงินมาโรงเรียนวันละ 5-10 บาท แล้วแต่เขาจะให้ ส่วนข้าวเช้าได้กินบ้านไม่ได้กินบ้าง รอกินในมือเที่ยงซึ่งทางโรงเรียนให้กินฟรีรวมทั้งห่อให้ไปกินเย็นที่บ้านด้วย ส่วนเงินที่ได้จะแบ่งกินขนมและเก็บไว้เป็นทุนเรียนหนังสือ โดยน้องเขียวบอกว่ามีความฝัน อยากเป็นคุณหมอใส่ชุดขาว
ส่วนพ่อของแม่ของน้องเขียวจากการตรวจสอบข้อมูลจากประวัติการสมัครเรียนหนังสือทราบชื่อบิดาคือนายทองขาล
หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือน้องเขียว สามารถติดต่อไปยังนาย ศรีมูล ช่วยสุข ผอ.โรงเรียนโรงเรียนบ้านคำหมาในร่องเข ได้ที่เบอร์โทร 0892849860 (ที่โรงเรียนไม่มีสัญญาณโทรศัพท์) จะติดต่อได้ในช่วงเช้าและช่วงคำเท่านั้น เนื่องจากอาจารย์จะพยายามไปอยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณโทรศัพท์