ต่อมาเวลา16.30 น. วันเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจำนวน 2 จุดอย่างหนัก
หลักจากเมื่อคืนที่ผ่านผู้รอดชีวิตได้ร้องขอความช่วยเหลือและพูดคุยโต้ตอบ กับเจ้าหน้าที่ตลอดคืนกระทั่งผ่านไปครบ 24 ชั่วโมง จึงเงียบไป ส่วนอีก 1 เสียงยังคงตอบรับอยู่ จากการสอบถามทราบว่าผู้ที่ติดค้างอยู่คือนายกล้าณรงค์ ปราบภัย อายุ 24ปี เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำเครื่องมือขุดเจาะ พร้อมใช้รถเครนขนย้ายซากปรักหักพังเพื่อช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมาอย่างเร่งด่วน และกู้ศพผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในตัวอาคารออกมาด้วย
โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ กำลังใช้ความพยายามช่วยชีวิตอยู่นั้น ได้มีนางประทีพ อรุณศรี แม่ของ นายกล้าณรงค์ ได้เดินทางจากบ้านเกิดในจ.ชลบุรี
เพื่อตามหาบุตรชาย เมื่อได้รับแจ้งว่า บุตรชายยังมีชีวิตอยู่ แต่ติดอยู่ใต้ซากหักพังของอาคาร ก็มายืนรอลุ้นให้เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิต ลูกชายเป็นผลสำเร็จ พร้อมเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า นายกล้าณรงค์ ได้เดินทางมาทำงานเป็นช่างสลิงกับผู้รับเหมาเมื่อ2-3 วันที่ผ่านมา ก่อนจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเมื่อทราบว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ก็ได้แต่ภาวนาให้เจ้าหน้าที่ช่วยลูกได้สำเร็จ ถือเป็นของขวัญวันแม่ที่ล้ำค่าที่สุดแล้วในเวลานี้
ล่าสุดเวลาประมาณ18.45 น. ความพยายามที่จะช่วยชีวิตนายกล้าณรงค์ ตลอด 27 ชั่วโมงก็สัมฤทธิ์ผล
โดยเจ้าหน้าที่สามารถนำร่างของหนุ่มดวงแข็งออกจากใต้ซากอาคารสู่โลกภายนอกได้เป็นผลสำเร็จ ก่อนนำส่งรพ.ปทุมธานี อย่างเร่งด่วน โดยนายกล้าณรงค์ ผู้ได้รับบาดเจ็บเปิดเผยว่านอนทับร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย โดยศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งแล้ว เชื่อว่าในจุดใกล้เคียงที่ติดคาอยู่ จะมีผู้เสียชีวิตถูกแผ่นปูนทับอีก 4-5 ราย ไม่สามารถนำออกมาได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครร่วมกตัญญูอยู่ระหว่างใช้ความพยายามที่จะนำร่างผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ออกมาให้ได้โดยเร็ว ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ขณะเดียวกันเวลา 20.30 น. นายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานี
พร้อมด้วย พลโทธีรยุทธ ศศิประภา เจ้ากรมแพทย์ทหารบก นายชาญ พวงเพ็ชร์ นายกอบจ.ปทุมธานี นายผาชัยโปรียานนท์ นายอำเภอคลองหลวง อาสาสมัครร่วมกตัญญูหน่วยกู้ภัยทุกหน่วยงาน เจ้าที่ทหาร ได้ตั้งโต๊ะร่วมกันประกาศยุติการค้นหาผู้รอดชีวิต โดยนายพงศธร กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้คุมคนงานว่า มีแรงงานก่อสร้างที่ปฏิบัติหน้าทั้งหมด 33 คน ขณะที่ทางหน่วยกู้ภัยได้ให้ความช่วยเหลือออกมาได้แล้ว ทั้งที่ติดในซากปรักหักพังอาคาร รวมทั้งหมด 25 คน ถูกลำเรียงส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงซึ่งแพทย์พยาบาลทำการปฐมพยาบาลให้กลับ บ้านได้ 19 คน โดยมี 6 คน ที่อาการสาหัสนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และคาดว่ายังมีผู้ติดค้างภายในซากปรักหักพังอีก 5 ราย โดยล่าสุด ไม่มีสัญญาณชีพจากผู้รอดชีวิตด้านใน อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (13 ส.ค.) ทางทหารช่างพัฒนา จะนำเครื่องจักรกลหนัก มาช่วยค้นหาอีกแรง โดยเฉพาะจุดที่เป็นห้องติดกับลิฟท์ ทราบว่า มีคนงานนอนพัก ไม่ได้ทำงานจำนวนหนึ่งด้วย
สำหรับรายชื่อผู้ที่ยังติดค้างในซากปรักหักพังนั้น ประกอบไปด้วย ชาวไทย 4 คนได้แก่ นายใกล้รุ่ง ทับครบุรี , นางเพียบ ทับครบุรี , นายสิทธิโชค แกมมะณี และ นายธนากร ตรีเมฆ ส่วนแรงงานกัมพูชา ที่ติดอยู่อีก 1 คนก็คือ นายอิมเครือ ขณะที่ผู้เสียชีวิตขณะนี้ มี 3 ศพได้แก่ นางอ้วน (ไม่ทราบนามสกุล) กับ บุตรชายวัย 4 ขวบ และ นายเชษฐา กัมพูชาติ อายุประมาณ 40-50 ปี ช่างวางลวดสลิง ชาวจ.บุรีรัมย์
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถาม นายกล้าณรงค์ หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ. ปทุมธานี
พบมารดาและญาติพี่น้องให้กำลังใจกันพร้อมหน้า โดย นพ.ปรัชญา โชติยะแพทย์ผู้ตรวจดูอาการนายกล้าณรงค์ กล่าวว่า อาการโดยรวมไม่มีปัญหา แค่บาดเจ็บที่ช่วงขาทั้งสองข้าง กระดูกเชิงกราน และเจ็บในช่องท้องเท่านั้น
ทั้งนี้ นายกล้าณรงค์ เปิดใจ ถึงช่วงเวลา 26 ชม. ที่รอดตายมาได้ว่า ตนเองเป็นช่างสลิง ช่วงเกิดเหตุนอนหลับอยู่ชั้นล่าง
เมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกมึนงงและไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้น พบตัวเองติดอยู่ในซอกแท่งปูน เพื่อนร่วมงานเสียชีวิตอยู่ข้าง ๆ พยายามทบทวนเหตุการณ์อยู่นาน กระทั่งพบว่า ตึกที่ทำงานถล่ม ได้แต่ภาวนาขอให้พระที่ห้อยติดตัว คือหลวงพ่อคูณคุ้มครองให้ปลอดภัย รู้สึกดีใจเหมือนตายแล้วเกิดใหม่