โดยคนร้ายกำลังวิ่งผ่านหน้าตลาดไปทางร้านแว่นบิวตี้ฟูล ให้ช่วยจับด้วยจากนั้นได้เห็นชายสวมเสื้อวอร์ม สีฟ้า-ดำ สวมกางเกงขาสั้นสีเทา-ดำวิ่งผ่านมา มือข้างขวากำสร้อยคอทองคำหลายเส้น ส่วนมือข้างซ้ายถือมีดสั้นสำหรับปอกผลไม้ เชื่อว่าเป็นคนร้ายจี้ชิงทอง จึงได้วิ่งไล่ตามคนร้ายไปจนถึงในวัดท่าถนนด้านทิศใต้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร
ต่อมาเห็นคนร้ายหยุดวิ่งและยืนหอบอยู่ จึงกระโดดเข้าใส่ ใช้มือล็อกคอคนร้ายไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ระหว่างนั้นมีดปอกผลไม้ ที่คนร้ายถืออยู่ได้หลุดตกลงที่พื้น เป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ร.ต.ต.สาโรจน์ ศรีสวัสดิ์ รองสว.จราจร สภ.เมืองอุตรดิตถ์ มาถึง จึงช่วยกันควบคุมตัวผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังว่า นายชัยรัตน์ นาคทำ อยู่บ้านเลขที่ 97/1 บ้านหนองหมู หมู่ที่ 8 ต.แสนตอ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พร้อมสร้อยคอทองคำ 3 เส้น หนักประมาณ 15 บาท
จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเช้านายชัยรัตน์ พร้อมญาติพี่น้องและครอบครัว ได้ไปเจรจาสู่ขอสาวต่างหมู่บ้านในตำบลเดียวกัน ซึ่งตั้งท้องแล้วกว่า 7 เดือน โดยญาติฝ่ายหญิงเรียกสินสอดทองหมั้นเป็นเงิน 60,000 บาท และสร้อยคอทองคำอีก 1 บาท
แต่ได้เจรจาลดเหลือเงินสด 50,000 บาท พร้อมสร้อยทองหนัก 1 บาท โดยแม่ฝ่ายชายตอบรับ และบอกลูกชายว่าเรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง พร้อมถามว่าทองมีหรือยัง หากไม่มีจะหาให้ ลูกชายตอบว่ามีแล้วจะไปเอาที่ตลาดมาให้ พร้อมสั่งให้เตรียมจัดสิ่งของเพื่อหมั้นและแต่งงานกับฝ่ายหญิงในตอนบ่ายวันนี้ได้เลย
จากนั้นญาติพี่น้องรวมทั้งพ่อและแม่ ได้เดินทางมาที่ตลาดสดเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์โดยรถยนต์ ขณะที่นายชัยรัตน์ขับขี่รถจักรยานยนต์มาที่ตลาดเช่นกัน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตรวจจับกุมตามมาตรการ 5 จอม
เนื่องจากไม่มีใบขับขี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจบัตรประชาชน พบว่าไม่พกติดตัวมา เจ้าหน้าที่จึงขอยึดรถจักรยานยนต์ไว้ตรวจสอบ จากนั้นไม่นาน ทราบว่านายชัยรัตน์ได้บุกเดี่ยว ใช้มีดจี้ชิงทองจากห้างทองเจริญไทย ซึ่งเป็นร้านญาติของนายสมชาย จงศิริการค้า อดีตนายกเทศมนตรีเมืองอุตรดิตถ์ กระทั่งมาถูกจับกุมได้ นำตัวส่ง ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ จิตตรง ร้อยเวร สภ.เมืองอุตรดิตถ์เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้านน.ส.ปุณยนุช จงศิริการค้า เจ้าของกิจการห้างทองเจริญไทย กล่าวว่า คนร้ายมาลำพังคนเดียว ครั้งแรกมาสอบถามเรื่องราคาทองคำนำหนักหนัก 5 บาท จากนั้นได้เดินออกไป และกลับมาอีกครั้งบอกว่าจะมาซื้อทอง รอแม่ไปเบิกเงิน ขอนั่งรอในร้านก่อน
เพียงไม่กี่นาทีคนร้ายได้ชักมีดพร้อมกระโดดข้ามตู้มา พร้อมใช้มือเลื่อนเปิดตู้ที่มีสร้อยทองคำแขวนเรียงอยู่ ช่วงที่คนร้ายชักมีดออกมาตอนแรกรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อควบคุมสติอยู่ จึงได้ใช้มือผลักกระจกเลื่อนปิดตู้ แต่สู้แรงคนร้ายไม่ไหว ทำให้คนร้ายชิงทองไปได้จำนวนหนึ่ง ก่อนวิ่งหนีไป ตนจึงร้องเรียกให้คนช่วย ต่อมาทราบว่าคนร้ายถูกจับกุมได้ เท่าที่ตรวจสอบคาดว่ามีทองน้ำหนัก 5 บาทหายไปประมาณ 3-4 เส้น คิดเป็นเงินกว่า 300,000 บาท