อลหม่านถังสารเคมีรั่วที่แหลมฉบังเร่งอพยพคนวุ่น

อลหม่านถังสารเคมีรั่วที่แหลมฉบังเร่งอพยพคนวุ่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุสารเคมีรั่วขณะขนถ่ายจากเรือบรรทุกสินค้า ที่ท่าเทียบเรือ บี 3 ท่าเรือแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเหตุเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขนถ่ายถังบรรจุสารเคมี  BUTYL ACRLATE  ซึ่งเป็นสารไวไฟ บรรจุมาในถังแบบแคปซูลน้ำหนัก 19,940 กก. จากเรือบรรทุกสินค้า "PEARL RIVER BRIDGE" ลงมายังท่าเรือ แต่ระหว่างนั้นถึงได้เกิดตกลงมากระแทกพื้นเรือ ทำให้ถังบรรจุสารเคมีฉีกขาดเป็นรูกว้าง จนก๊าซที่อยู่ข้างในเกิดการรั่วไหลฟุ้งกระจายออกมาอย่างรวดเร็ว และถูกกระแสลมพัดลอยไปตามอาคารบ้านเรือนและโรงเรียนในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง ส่งผลกระทบทั้งต่อชาวบ้านและนักเรียน 


โดยเฉพาะนักเรียนโรงเรียนเทศบาลนครแหลมฉบัง 2 ที่สูดดมสารดังกล่าวเข้าไป เริ่มมีอาการแสบตา แสบจมูก และคันตามร่างกาย ต้องช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาลต่างในพื้นที่  ประกอบด้วย รพ.สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา จำนวน 35 คน รพ.แหลมฉบัง จำนวน 43 คน และ รพ.วิภารามแหลมฉบัง จำนวน 8 คน ส่วนผู้บริหารโรงเรียนได้สั่งปิดการเรียนการสอนทันที และติดต่อให้ทางผู้ปกครองมารับตัวนักเรียนกลับบ้าน เพื่อรอดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตามล่าสุดจากการตรวจสอบตามโรงพยาบาลต่างๆพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการปลอดภัย และแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้

ด้าน ร.ท.ยุทธนา โมกข่าว ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการ ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เรียกตัวแทนผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาร่วมประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยพบว่าสารเคมีดังกล่าวเป็นสารที่มีความไวไฟสูง ยากต่อการควบคุมจึงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาซ่อมแซมอุดรอยรั่วของถัง 

ในเบื้องต้นจึงได้ประสานไปยังกรมเจ้าท่า เพื่อขอลากเรือที่เกิดเหตุออกไปทอดสมอกลางทะเลประมาณ 1 กม. เพื่อให้ความเข้มข้นของสารเคมีมีความเจือจาง และมีผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงชุมชนน้อยที่สุด รวมทั้งให้มีการเฝ้าระวังอันตรายขั้นสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดการระเบิดของสารเคมี เนื่องจากเป็นสารไวไฟ หากเกิดประกายไฟบนเรืออาจทำให้เกิดการระเบิดได้ โดยขณะนี้ได้ปิดสวิตช์ไฟบนเรือหมดแล้ว ในขณะที่ในด้านโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ได้ส่งเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบว่ากลิ่นยังไม่ลดความรุนแรง อาจสั่งให้มีการอพยพพนักงานออกจากพื้นที่ต่อไป

อลหม่านถังสารเคมีรั่วที่แหลมฉบังเร่งอพยพคนวุ่น


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์