ผวารักยมเฮี้ยนเหตุแม่ฆ่าตัวตาย

ผวารักยมเฮี้ยนเหตุแม่ฆ่าตัวตาย

วันที่ 13 ก.ค. ร.ต.อ.นเรศ บุญที ร้อยเวร สภ.สัตหีบ จ. ชลบุรี รับแจ้งเหตุคนกินยาฆ่าตัวตาย ในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยบ่อนไก่ หมู่ที่ 6 ต.สัตหีบ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ในที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวชั้นเดียวติดกัน 4 ห้อง ห้องแรกคือห้องที่เกิดเหตุร้าย บนที่นอนพบศพ นางสุดารัตน์ ทับพึง อายุ 40 ปี สาวเสิร์ฟร้านอาหารอีสานแห่งหนึ่ง ที่อยู่ตามบัตรประชาชนเลขที่ 2234/926 หมู่ที่ 1 ต.สัตหีบ นอนคว่ำหน้าในชุดเสื้อยืดแขนยาวลายทางหลากสี กางเกงผ้ายืดขายาวสีน้ำเงิน สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นคละคลุ้ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วราว 2 วัน บนพื้นห้องพบกล่องยาฆ่าหนู ที่คานประตูห้องน้ำพบผ้าม่านเป็นบ่วงคล้องคอทิ้งไว้


นอกจากนี้ยังพบหลักฐานสำคัญเป็นจดหมายลาตาย มีใจความทำนองว่า ผู้ตายพบรักกับหนุ่มทหารเรือยศ พันจ่าเอก สังกัดเรือหลวง ตลอดเวลาที่คบหา เกิดความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง จึงจบความรักด้วยการลากจากโลกนี้ไป ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ ยังพบข้อความอาฆาตแค้น ขอจองเวรจองกรรมกับคนที่ทำให้ผู้ตายเสียใจทุกชาติ และยังพบกับสิ่งที่ชวนสะพรึงมากขึ้น เมื่อพบว่า รักยมที่ผู้ตายบูชาไว้หัวเตียง พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ ทั้งน้ำแดง และตุ๊กตาเด็กเล่น ล้มกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น

โดยหาสาเหตุไม่ได้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเฮี้ยนว่า รักยมโกรธแค้น หลังจากผู้ตายซึ่งเปรียบเสมือนแม่ ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรัก จึงแสดงอภินิหารจนข้าวของกระจุยกระจายและอาจตามไปแก้แค้น "ผู้ชาย" ต้นเหตุก็เป็นไปได้ โดยล่าสุดเพื่อนบ้านในละแวกห้องเช่าต่างหวาดผวา หลายคนถึงขั้นเตรียมย้ายออกเพราะกลัวอาถรรพณ์

ด้าน ร.ต.อ.นเรศ กล่าวว่า เพื่อนข้างห้อง เห็นผู้ตายปิดประตูหายเงียบไปในบ้าน 2 วัน ไม่ยอมออกไปทำงาน ภายหลังมีกลิ่นโชยเหม็นเน่าเหมือนศพ เลยเอะใจรีบแจ้งตำรวจเข้าตรวจสอบ จนมาเจอศพดังกล่าว จากพยานหลักฐาน สามารถชี้ได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในความรักจริง เชื่อว่าผู้ตายคงพยายามแขวนคอตัวเองก่อน แต่อาจทำไม่สำเร็จ เลยใช้วิธีกินยาฆ่าหนูปลิดชีพตัวเองแทน อย่างไรก็ตามขณะยาพิษออกฤทธิ์ ผู้ตายอาจทุรนทุรายไปชนโต๊ะบูชารักยม จนล้มระเนนระนาดก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งศพไปชันสูตรเพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

สำหรับความเชื่อเรื่อง "รักยม" นี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เกี่ยวกับทางไสยศาสตร์ โดยรักยมเป็นไม้แกะสลักรูปกุมาร หรือ เด็กผมจุก ขนาดเล็ก ยืนกำหมัดทั้งสองข้าง คล้ายกำลังทำท่าชกมวย ตัวที่ชื่อ"รัก" จะแกะด้วยไม้ "รักซ้อน" ใช้ได้ทั้งต้นและราก แต่ต้องเป็นรากที่เรียกว่า "ตายพราย" คือตายเอง ส่วนตัวที่ชื่อ "ยม" ก็แกะจาก "ไม้มะยม" ใช้ต้นและรากลักษณะเดียวกัน เมื่อแกะรูปเด็กผมจุกทั้งสองเสร็จแล้ว เกจิอาจารย์ก็จะทำพิธีปลุกเสก โดยเอารูปแกะกุมารดังกล่าว วางลงในขันสำริด ที่มีน้ำมันหอมหรือน้ำมันจันทร์ใส่เตรียมไว้ก่อน จากนั้นจะต้องทำให้เกิดนิมิตขณะปลุกเสก คือปลุกเสก จนกระทั่งรูปแกะกุมารทั้งสองนั้นลุกขึ้นเต้น และเล่นกัน ดุจมีชีวิตวิญญาณ แล้วจึงเป็นอันใช้ได้

ทั้งนี้ ผู้ที่จะให้ รักยมช่วยเหลือ จะนำรักยมพร้อมน้ำมันหอม บรรจุลงในขวดแก้วเล็ก ๆ ขนาดพอดีตัวของรักยมที่จะลงไปอยู่ด้วยกันได้ทั้งคู่ นำติดตัวเมื่อออกจากบ้านไปทำภารกิจนั้น ๆ เมื่อกลับเข้าสู่เคหะสถานบ้านเรื่อน ก็นำรักยมเข้าไว้ในที่อันสมควร จัดแจงข้าวปลาอาหาร ขนมนมเนย ให้รักยมบริโภค เสมือนเลี้ยงเด็ก ๆ ไว้ในบ้าน

ส่วนการพูดจากับรักยมนั้น จะต้องทำเป็นพูดเองและตอบเอง หรือ ที่เรียกว่า "พูดเองเออเอง" แล้วแต่ปรารถนาสิ่งใด ๆ ก็ให้กล่าววาจากับรักยม ขอให้รักยมช่วยในกิจนั้น ๆ ผู้ใช้ต้องคอยดูน้ำมันหอมที่ใส่ในขวดรักยมอยู่เสมอ ระวังอย่าให้พร่อง อย่าให้แห้งได้ เพราะรักยมจะให้คุณแก่ตัวเจ้าของ อีกทั้งน้ำมันจันทร์ในขวดนั้น ก็นำมาทาคิ้ว ทาผม เป็นเครื่องสำอางค์ที่จะยังเสน่ห์แก่ผู้ใช้อีกด้วย

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์