ทางด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารที่ใช้พื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เป็นสถานที่นัดหมายชุมนุมทุกเย็นนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.47น. เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามจลาจล เข้าเคลียร์พื้นที่อนุสาวรีย์ฯ พร้อมปิดการจราจรโดยรอบ เพื่อห้ามไม่ให้ กลุ่มต่อต้านรัฐประหารเข้ารวมตัวทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์อีกหลังจาก
เมื่อเย็นวันที่28พ.ค.ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุผู้ชุมนุมทำลายรถฮัมวี่ของเจ้าหน้าที่ทหาร
ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. ในฐานะผบ.เหตุการณ์ดูแลความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมที่พื้นที่อนุสาวรีย์ฯ กล่าวว่า
จากข้อมูลพบว่าผู้ชุมนุมในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยฯไม่ได้เข้ามาโดยธรรมชาติแต่มีแกนนำและการจัดตั้ง โดยฝ่ายทหารพบว่า มีผู้สนับสนุนและชักนำให้มีการชุมนุม โดยผู้ชุมนุมไม่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีวาระซ่อนเร้น เจ้าหน้าที่จึงต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมตามกฎหมาย และเปิดเผยกับสื่อไม่ได้ว่า แกนนำเป็นใคร ซึ่งจะดำเนินการจัดการต่อไป
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ว่า
การใช้อำนาจของคสช.เพื่อควบคุมสถานการณ์น่าจะอยู่ช่วงที่จะต้องมีการคลี่คลายโดยลำดับ เพราะตนมองไม่เห็นว่าจะใช้อำนาจในลักษณะนี้ไปได้ยาวนานแค่ไหน แต่จุดที่จะมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ น่าจะเป็นเรื่องของสื่อมวลชน กับสภาพความอึดอัดในเรื่องข้อมูลข่าวสาร
“แต่ที่ต้องจับตาดูคือการตั้งศูนย์ปรองดอง ยังไม่ชัดเจนว่าตั้งโจทย์อย่างไร ผมยืนยันว่าถ้าตั้งโจทย์ว่าเป็นเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ทุกฝ่ายจะเป็นการตั้งโจทย์ที่ผิด โดยเฉพาะที่ผ่านมาเอาคำว่าปรองดองมาใช้นำไปสู่การนิรโทษกรรม จะกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น แต่ถ้าพยายามเอาแนวคิดของทุกฝ่ายที่เป็นประโยชน์ส่วนรวมมาประสานก็จะเป็นทางออกให้กับประเทศ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว