‘บิ๊กตู่’แอ่นอกป้องชาวนา ฮึมแก๊งเงินก้ ห้ามขู่ทวงหนี้-เจอคุก2ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.40 น.วันที่ 29 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
 
ลงนามประกาศ คสช. ฉบับที่ 46/2557  เรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการติดตามทวงถามหนี้ มีเนื้อหาระบุว่า  ด้วยปรากฏมีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลมีพฤติกรรมติดตามทวงหนี้จากชาวนาอย่างไม่เป็นธรรม ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัวต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐและโทษที่จะได้รับสำหรับความผิดนั้น เพื่อเป็นการรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง คสช. จึงออกประกาศดังนี้

               
“ผู้ใดข่มขืนใจชาวนาให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือเสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินจของชาวนาหรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถือข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”


‘บิ๊กตู่’แอ่นอกป้องชาวนา ฮึมแก๊งเงินก้ ห้ามขู่ทวงหนี้-เจอคุก2ปี

ต่อมาเวลา  14.00 น. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกแถลงชี้แจงเพิ่มเติม

กรณี คสช.ออกประกาศฉบับดังกล่าวที่ระบุความผิดการติดตามทวงหนี้ชาวนาว่า คสช.เป็นห่วงหลัง ธ.ก.ส.จ่ายเงินโครงการจำนำข้าวให้ชาวนาไปแล้ว เกรงเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบจะมาทวงเงินโดยวิธีการบังคับข่มขู่  ซึ่งคำสั่งคสช.ดังกล่าวเป็นการป้องปราม

               
“อย่างไรก็ตาม ชาวนาจะมาอ้างคำสั่ง คสช.แล้วไม่จ่ายหนี้ไม่ได้ ตามกฎหมายเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เพียงแต่ขั้นตอนดำเนินการของเจ้าหนี้ต้องถูกต้องตามกฎหมายคือ ไม่ใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ ทำให้เกิดความหวาดกลัว การใช้หนี้ต้องเป็นไปตามความสมัครใจของชาวนาว่าสามารถใช้หนี้ได้เท่าไหร่ เพราะชาวนาต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนทำนาต่อไป” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว

               
และว่า ทั้งนี้ หนี้นอกระบบเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย เจ้าหนี้ต้องไปดำเนินการให้ถูกต้องไม่ว่าจะเรื่องสัญญาการกู้หนี้ยืมสิน

และอัตราดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด ถ้าชาวนาไม่จ่ายเงินก็ให้เจ้าหนี้ไปฟ้องร้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และหากคสช.พบว่าเจ้าหนี้รายใดมีการกระทำหรือพฤติกรรมที่ขัดต่อคำสั่งดังกล่าว จะดำเนินคดีกับเจ้าหนี้อย่างเด็ดขาด โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในแต่ละพื้นที่เข้าไปสอดส่องดูแลใกล้ชิด

                              
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.จิตดนัย รัตนไพบูลย์เจริญ รองสวป.สภ.เมืองลำปาง
 
รับแจ้งเหตุข่มขู่ที่หน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาอาลัมภางค์ลำปาง ถนนลำปาง-อ.แม่ทะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จึงเข้าตรวจสอบพบนายชวน ชัยเลิศ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 155 หมู่ 4 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง นั่งอยู่ในห้องทำงานผู้จัดการธนาคาร ด้วยท่าทีตื่นตระหนก หลังถูกเจ้าหนี้ข่มขู่จะยึดทรัพย์สินหากไม่จ่ายหนี้ 

               
นายชวนให้การว่า ตนมีอาชีพทำนาในต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง และไปกู้เงินนอกระบบจากนางแสงหล้า ไชยจุก อายุ 42 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 3 ต.เมืองยาว อ.ห้างฉัตร จ.ลำปางเป็นเงิน 80,000 บาท มาใช้เป็นทุนทำนา แต่เนื่องจากไม่ได้รับเงินจำนำข้าว จึงไม่มีเงินใช้คืน ทำให้นางแสงหล้ามาทวงหลายครั้ง ตนจึงทำสัญญายกรถแทรคเตอร์ไถนาคูโบต้า ให้นางแสงหล้าหักลบกลบหนี้เงินกู้นอกระบบที่ไปกู้มาและทำหนังสือสัญญาซื้อขายกันไว้แล้ว 

               
นายชวนกล่าวต่อว่า แต่นางแสงหล้า ทราบข่าวว่าตนได้รับเงินจำนำข้าวแล้ว เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา
 
จึงตามไปทวงเงินตนที่หน้าธนาคาร เข้ามาข่มขู่และยึดสมุดบัญชีธนาคารกับรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า ฟีโน่ ทะเบียน 1กก ลำปางไปอีก 1 คัน  และวันนี้ ตนเดินทางมายังธ.ก.ส.สาขาอาลัมภางค์ลำปาง เพื่อเปิดบัญชีสมุดใหม่ ปรากฏว่านางแสงหล้าพาพวก 3 คนติดตามมาข่มขู่อีก ทำให้ต้องเรียกตำรวจมาตรวจสอบเหตุที่เกิดขึ้น ทำให้นางแสงหล้า รีบหนีไปทันที

               
ต่อมาร.ต.ท.จิตดนัย แนะนำให้นายชวนไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองลำปาง เพื่อเจ้าหน้าที่ จะได้เรียกตัวนางแสงหล้า ผู้ที่เข้ามาข่มขู่มาสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์