คสช. ไฟเขียวขนส่งสินค้าในช่วงเวลาเคอร์ฟิวได้

วันที่ 25 พ.ค. มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 18/2557 เรื่องการอนุญาตให้ขนส่งสินค้า ในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถาน ว่า ตามที่ คสช. ได้มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 3/2557 ลงวันที่ 22 พ.ค. 2557 เรื่องห้ามออกเคหะสถาน โดยห้ามมิให้บุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหะสถาน ภายในเวลา 22.00-05.00 น. ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2557 เป็นต้นไป

เว้นแต่ได้รับอนุถญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่นั้นเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจการขนส่งสินค้าทางบกทางน้ำ และทางอากาศ
 
ตลอดจนเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในการซื้อหาสินค้าอุปโภคบริโภคจึงอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวสามารถขนส่งสินค้าในห้วงเวลาที่ห้ามออกนอกเคหะสถานได้ทั้งนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ คสช.ยังคงสามารถตรวจค้นยานพาหนะขนส่งสินค้าต่างๆได้หากพบสิ่งบอกเหตุที่อาจเป็นการกระทำผิดกฎหมาย หรืออาจส่งผลกระทบ ต่อความสงบเรียบร้อย ตลอดจนความมั่นคงของชาติ สั่ง ณ วันที่ 24 พ.ค. 2557ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบกได้อ่านประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง

คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่าง เกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร ว่าโดยที่ คสช. พิจารณาเห็นว่าคำสั่งของคสช. ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2557 และคำสั่งของ คสช. ฉบับอื่น ให้คดีที่มีข้อหาว่าการกระทำผิดบางอย่างอยู่ในอำนาจศาลทหารนั้นคดีดังกล่าวอาจมีข้อหาอื่นที่มีความผิดในตัวเองและมิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารรวมอยู่ สมควรให้ศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาในข้อหานั้นด้วย เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรวดเร็ว จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

บรรดาคดีความผิดที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร พิจารณาพิพากษา ตามคำสั่งของคสช.ฉบับที่ 37/2577 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2557

 และคำสั่งของ คสช.ฉบับอื่น ถ้าคดีใดประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกัน แม้แต่ละอย่างจะเป็นความผิดได้ในตนเอง และไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารก็ให้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาด้วยทั้งนี้ตั้งแต่บัดนนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 25 พ.ค.ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ