นกแอร์ โพสต์ขอโทษผู้โดยสาร-ปล่อยชายนิรนามขึ้นเครื่อง

เมื่อวันที่ 6 เม.ย.นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์

ได้โพสต์ข้อความชี้แจงเกี่ยวกับกรณีเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้น เมื่อมีชายฉกรรจ์ 1 ราย ขึ้นมาบนเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ และจะขอนั่งในตำแหน่งที่มีผู้โดยสารคนอื่นนั่งอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นพอแอร์โฮสเตสขอตรวจบัตรประชาชน และตั่วโดยสารก็ไม่มีให้ ก่อนจะเชิญตัวลงไป ท่ามกลางความไม่มั่นใจให้กับผู้โดยสารบางรายจนต้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่เปลี่ยนไฟท์เดินทางให้ โดยนายพาที ทวิตว่า

"นกแอร์ต้องขออภัยเหตุที่หาดใหญ่ ที่มีคนแปลกหน้าขึ้นมาบนเครื่องและต้องขอบคุณแอร์ของนกแอร์ที่รอบคอบ ไม่ยอมให้ผู้นั้นได้ไปต่อ ทางทีมของเราได้มีการประชุมกับการท่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเพิ่มความเข้มงวดของการที่จะให้คนเข้ามาที่เกทได้ และก่อนขึ้นเครื่องจะตรวจเอกสารให้ครบ และอีทีก่อนขึ้นเครื่องทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ต้องขออภัยอีกทีนะครับที่เราปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการให้บริการของนกแอร์ เพื่อความสบายใจของทุกคน หลังจากได้ทำรีพอร์ตเสร็จ เราจะโพสต์ไว้ที่เฟซบุ๊กของนกแอร์ เพื่อให้ใครที่สนใจได้อ่านกัน และแจ้งมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ขอบคุณครับ"

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากในโลกสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพและเรื่องราวจากผู้ประสบอยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่ง
 
ที่ตั้งกระทู้โพสต์แชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนสายการบินแห่งหนึ่ง ชื่อว่า "ย้อนรอย #MH370 สู่สายการนกแอร์ สนามบินหาดใหญ่" โดยมีเนื้อหาใจความว่า เหตุเกิดขึ้นบนเที่ยวบินของสายการบินนกแอร์ เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ มีผู้โดยสารเป็นชาย อายุประมาณ 30-40 ปี ไว้หนวดรุงรัง ขึ้นมาบนเครื่องบินโดยสาร ต้องการนั่งที่นั่งใกล้กับห้องนักบิน ซึ่งเป็นที่นั่งที่มีผู้โดยสารนั่งอยู่แล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามก็ทำทีเป็นสื่อสารภาษาไทย หรือภาษามาลายูไม่ได้ พอตรวจเช็ครายชื่อผู้โดยสารบนเที่ยวบินก็พบว่าทุกที่นั่งเต็ม รวมทั้งยังไม่มีตั๋วโดยสาร ไม่มีบัตรประชาชน ทางแอร์ฯจึงประสานให้ รปภ.มาเชิญตัวลงไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ก็เชิญผู้โดยสารคนอื่นกลับขึ้นเครื่องอีกครั้ง

แต่ปรากฏว่ามีบางส่วนไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย เพราะมีคนแปลกปลอมเข้ามาภายใน รวมทั้งไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจน ไม่มีการรื้อใต้เครื่อง ไม่ค้นสัมภาระ ไม่มีกัปตันไม่แสดงตัว และไม่มีตำรวจเข้ามาดูแล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแอร์กับ รปภ.เท่านั้น ทำให้เกรงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตนเอง.