เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ขณะที่ ร.ต.ต.วสันต์งาม สมพงษ์ รอง สว.จร.สน.ดินแดง กำลังปฏิบัติหน้าที่จราจรอยู่ภายในป้อมตำรวจบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงถนนราชปรารภ แขวงและเขตดินแดง จู่ๆมีรถเมล์ปรับอากาศสาย ปอ.38 ได้เสียหลักออกนอกเส้นทางและมุ่งหน้าพุ่งเข้ามาชนป้อมตำรวจอย่างแรงจนพังเสียหาย ทำให้ ร.ต.ต.วสันต์ ต้องตื่นตระหนกกระโดดหนีเอาตัวรอด ก่อนจะประสานไปยัง สน.ดินแดง เจ้าหน้าที่ ขสมก. และมูลนิธิป่อเต๊กตึ๋ง ให้มาตรวจสอบ
ตรวจสอบพบว่ารถเมล์สายดังกล่าวทะเบียน 15-4017 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 38-12 วิ่งระหว่าง ม.รามคำแหง 2 – ม.จันทร์เกษม เป็นของบริษัทไพศิริเดินรถจำกัด สภาพรถกระจกหน้าแตกละเอียด โดยรถได้เสยขึ้นฟุตปาธชนเข้ากับป้ายบอกทางและพุ่งชนป้อมอย่างจังจนกระจกแตก ทรัพย์สินภายในป้อมได้รับความเสียหาย เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 2 ราย ทั้งหมดเป็นผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถดังกล่าว เจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.ราชวิถี ล่าสุดมีรายงานว่าอาการปลอดภัยแล้วทั้งหมด มีแค่รอยบอบช้ำเล็กน้อย
สอบสวน นายสิงห์ค้า จงเจริญ อายุ 67 ปี โชเฟอร์รถเมล์สายดังกล่าวให้การว่า ตนขับรถออกจากอู่รถที่ ม.ราม 2 ตอน 07.00 น. โดยวิ่งมาตามเส้นทางและมีผู้โดยสารอยู่ในรถประมาณ 4 คน ก่อนเกิดเหตุขณะกำลังวิ่งมาจากย่านประตูน้ำเข้าถนนราชปรารภเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ตนได้เหยียบเบรกชะลอรถ แต่ปรากฏว่าเบรกจมเหยียบไม่ติด ซึ่งพอมองไปที่หน้ารถก็เห็นรถยนต์จำนวนมากกำลังจอดเรียงรายกันอยุ่ ด้วยความตกใจเกรงว่าจะพุ่งชนรถคันอื่นเข้าจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยพุ่งออกนอกเส้นทางแทน กระทั่งไปชนกับป้ายบอกทางและป้อมดังกล่าว โดยตนก็ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและมีเลือดออกด้วย
เบื้องต้นตำรวจได้ส่งตัวนายสิงห์ไปตรวจร่างกาย พร้อมทั้งหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์ที่ รพ.ราชวิถี นำมาสอบสวนในการหาสาเหตุ ขณะเดียวกันจะต้องตรวจดูด้วยว่าเบรกรถใช้งานไม่ได้จริงหรือไม่ เพื่อสรุปสำนวนอีกครั้งว่าเป้นอุบัติเหตุหรือความประมาท รวมทั้งประสานได้ในเรื่องค่าเสียหายต่อไป อย่างไรก็ตามหากสาเหตุเป็นไปตามที่โชเฟอร์ให้การต้องถือว่ากล้าหาญมาก เพราะตัดสินใจในฉับพลันรีบหักรถออกข้างทาง ไม่เช่นนั้นอาจมีรถสัญจรไปมาคันอื่นถูกชนจนเสียหายหรือมีเหตุรุนแรงกว่านี้แน่
ทั้งนี้ป้อมดังกล่าวเป็นป้อมเดียวกับที่เคยถูกเผาป้อมในเหตุการณ์เมื่อปีพฤษภาคม 2553 มาแล้ว และได้มีสร้างซ่อมแซมขึ้นใหม่แต่ก็มาถูกรถเมล์พุ่งชนคราวนี้อีก.