ให้สัมภาษณ์ว่า วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 60 ปี ตน หวังให้แต่ละฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยเพื่อหาหนทางปฎิบัติที่ดีให้ประเทศชาติเดินหน้าตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนเหตุผลที่ นายกฯและ ผบ เหล่าทัพ พบกันบ่อยในระยะนี้ เพราะอยู่ในช่วงการปรับย้ายนายทหารกลางปี จึงจำเป็นต้องพูดคุย สำหรับกรณีที่ นายกฯ นัด ผบ.เหล่าทัพหารือการปรับย้ายนายทหารในวันนี้ ตนได้รับการประสานมาจากสำนักงานปลัดกลาโหม ซึ่งตนติดภาระกิจต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่ได้เตรียมข้อมูลให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับทราบและชี้แจงแทน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทัพอากาศมีความเรียบร้อยดี เพราะมีการปรับย้าย 10 กว่าตำแหน่งเท่านั้น
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพอากาศได้มีการประชุม ผู้แทนหน่วยประกอบด้วย กรมการข่าวสำนักงานผู้บังคับทหารอากาศ ดอนเมือง สำนักงานพระธรรมนูญ และกรมกิจการพลเรือนกองทัพอากาศ เพื่อรวบรวมหลักฐานและวิเคราะห์ข้อมูลที่ปรากฎ นำไปเรียนส่วนที่เกี่ยวข้องคือ ตำรวจว่ามีส่วนใดเข้าข่ายผิดกฎหมาย และต้องดำเนินการในฐานะที่เรามีบทบาทด้านความมั่นคง
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ถ้าเข้าข่ายและเป็นสิ่งที่เราเผชิญเหตุก็เป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการเช่นเดียวกับกองทัพบกขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบข้อกฎหมาย จากนั้นประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะเป็นผู้ดำเนินการเองหรือให้ กองทัพอากาศ ไปแจ้งความดำเนินการ
พยายามดึงต่างชาติ เช่นนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เข้ามายุ่งเกี่ยวและกดดันการทำงานขององค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้นตนเห็นว่า ต้องคิดให้ดี เพราะเป็นปัญหาที่แก้ไขกันได้เองภายในปนะเทศ หากดำเนินการด้วยคนของเราเองน่าจะดีกว่า ทั้งนี้ การเชิญ นาย บันคีมูน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นสิ่งที่น่าจับตามองและต้องดูว่า แนวทางการปฎิบัติของ นายสุรพงษ์ เป็นอย่างไร ซึ่งในส่วนของ ผบ.เหล่าทัพ คงต้องปรึกษาหารือกันก่อน หากต่างคนต่างพูดจะไม่เหมาะสม ต้องรอให้ได้ขอสรุปและจะแจ้งให้ทราบพร้อมนำเรียนรัฐบาล