แม้อาคารสำนักงานใหญ่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในย่านสนามบินน้ำ จ.นนทบุรีได้สร้างเสร็จไปก่อนหน้านี้แล้วกระนั้นในขั้นตอนการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ก่อสร้างสำนักงานมีนักการเมืองคือนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ในรายงานการประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 ระบุวาระที่ 5.1 เรื่องการชำระค่าผาติกรรม(ค่าเวนคืนที่ดิน)ให้แก่วัดท้ายเมือง
ปรากฎชื่อนายจตุพรเป็นตัวแทนของวัดท้ายเมืองในการยื่นข้อเสนอซื้อขายที่ดินธรณีสงฆ์ของระหว่างวัดท้ายเมืองกับกรมธนารักษ์ โดยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้ชำระเงินซื้อขายที่ดินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ดินธรณีสงฆ์ของวัดท้ายเมืองมีเนื้อที่ 4-0-30 ไร่ กรมธนารักษ์ได้ขออนุมัติจัดซื้อ
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ในเอกสารการประชุมระบุวงเงินค่าผาติกรรม (ค่าเวนคืน) ที่วัดท้ายเมือง 26,289,320 บาท ซึ่งเดิมเป็นที่ดินที่มีผู้บริจาคให้วัด ต่อมาทางวัดได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติม ขอค่าตอบแทนการใช้ที่ดินและค่าดอกเบี้ยเพิ่มอีก 3,279,650 บาท
แต่ทว่าคณะกรรมการฯ มีมติให้ทบทวนค่าดินใหม่ทั้งหมดและได้อนุมัติเงินตามวงเงินเดิมสมัย ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเงินทั้งสิ้น 6,520,000 บาท ถึงที่สุดไม่แน่ชัดว่าทั้งสองฝ่ายตกลงซื้อขายกันในวงเงินเท่าไหร่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557 ได้ติดต่อไปยังวัดท้ายเมือง จ. นนทบุรีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้
โดยได้รับการยืนยันจากพระรูปหนึ่งว่า นายจตุพร รับหน้าที่เป็นตัวแทนวัดในการติดต่อเรื่องที่ดินให้กับกองสลากจริง
"จตุพรเขาเคยมาบวชเรียนอยู่ที่นี่ เมื่อทางวัดต้องทำเรื่องนี้ ก็เลยมอบหมายให้จตุพรมาช่วยจัดการให้"
เมื่อถามว่า ทางวัดต้องจ่ายเงินค่านายหน้าให้กับนายจตุพรหรือไม่
พระวัดท้ายเมืองรายนี้ ตอบว่า "ทางวัดไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนอะไรให้กับจตุพร ในรูปของเงิน เพราะจตุพรเข้ามาช่วยงานวัด ตามประสาคนที่เคยอยู่ที่วัดนี้มาก่อน ซึ่งถ้ามีค่าใช้จ่ายอะไรที่เกิดขึ้นกับการติดต่องานส่วนนี้ วัดก็ต้องออก วัดให้เขามาช่วยงาน แล้วจะให้เขาออกเงินให้ด้วย แบบนั้นมันก็ไม่ถูกต้อง"
พระวัดท้ายเมืองรูปนี้ยังให้ข้อมูลด้วยว่าความจริงเรื่องนี้มันควรจะจบไปนานแล้ว แต่ปัญหาเกิดขึ้นจากกองสลากมีการเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบใหม่ และมาเจรจาต่อรองขอจ่ายแค่เงินต้น จะไม่ยอมจ่ายดอกเบี้ย
"เรื่องนี้ทางวัดไม่อยากพูดอะไรมากเพราะปัญหาไม่ได้เกิดจากทางวัด แต่เกิดจากกองสลากกับกรมธนารักษ์ที่จะต้องไปคุยกันเอง เพราะทางวัดไม่ได้เป็นผู้ทำให้เกิดปัญหานี้"
"ตอนนี้บอกได้แค่เพียงว่าดีชั่วอยู่ที่ทำตัวดีชั่วอยู่ที่ตัวทำอะไรมันเป็นอะไรมันก็ควรจะต้องเป็นแบบนั้นโยมลองไปคิดดูเองแล้วกัน ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนจนไม่มีเงินก็คง ไม่มีอะไรหรอก แต่กองสลากเขามีเงินมากขนาดไหนใครก็รู้ มันควรจะจบไปนานแล้ว "พระวัดท้ายเมืองระบุ
ขอขอบคุณข้อมูล isranews