ชาวนาความตายบนนโยบายข้าว
'ชาวนา'ความตายบนนโยบาย'ข้าว'
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรากฏข่าวเศร้าสลดใจเมื่อชาวนาหลายรายเครียดจนถึงขั้น "ผูกคอตาย" หนีภาระหนี้สินที่ท่วมท้น และอาจเป็นผลพวงจากยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าวจากรัฐบาล ท่ามกลางกระแสผัดวันจ่ายของรัฐบาลที่ยังมองไม่เห็นชัดเจนว่า จะหาแหล่งเงินกู้กว่าแสนล้านบาท เพื่อมาใช้หนี้ชาวนาได้อย่างไร ?!!
ความเครียดสะสมในชีวิตประจำวัน เมื่อถูกถาโถมด้วยแรงกดดันจากเจ้าหนี้ ทั้งที่มีตัวเลขเงินรายได้จากการขายข้าวระบุอยู่ในกระดาษ แต่เบิกมาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ เมื่อไม่มีเงิน ปัญหาต่างๆ จึงตามมาเป็นลูกโซ่ เมื่อทุกอย่างเขม็งเกลียว กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย มองไม่เห็นทางออกของชีวิต จนคิดสั้นทำร้ายตัวเอง
"ผูกคอแบบไหนที่ตายเลย ไม่ทรมาน" เป็นคำพูดของ "ทองมา" ชาวนา ต.โนนรัง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ถามเพื่อนบ้านทุกครั้งที่มีการสนทนา แม้จะมีท่าทีเศร้าสร้อย คิดหนัก เหม่อลอย แต่ทุกคนกลับคิดว่าเป็นเพียงเรื่องพูดเล่น ไม่มีใครคาดคิดว่าเช้าวันที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมา นายทองมาจะถือเชือกยาวกว่า 2 เมตร เดินจากบ้านไปที่สวน กระทั่งช่วงสายเพื่อนบ้านไปพบว่านายทองมาคิดสั้น ผูกคอตัวเองกับต้นประดู่เสียชีวิตแล้ว
ก่อนหน้านี้ "ทองมา" อาศัยอยู่ในบ้านสองชั้น ความเป็นอยู่พอกินพอใช้ไม่ขัดสน มีที่นาทำกินอยู่กว่า 15 ไร่ เลี้ยงวัวและควายเป็นอาชีพเสริมรวม 5 ตัว หนี้สินมีเพียง 4 แสนบาท ที่กู้มาจาก ธ.ก.ส.ร้อยเอ็ด เมื่อปีเศษมาแล้ว นำไปซื้อรถตู้มือสองให้ลูกเขยใช้รับจ้างส่งนักเรียน ทำสัญญาผ่อนส่งใช้หนี้ 10 ปี เดือนละไม่กี่พันบาท ผ่อนชำระมาตลอดไม่เคยขาด เป็นลูกหนี้ชั้นดีของทางธนาคาร
แต่ต่อมาลูกเขยป่วยไม่สามารถขับรถได้ ประกอบกับเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 นำข้าวเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 7 ตัน ได้เงินมาแล้วกว่า 5 หมื่นบาท เหลืออีก 1 แสนบาท ที่รัฐยังไม่จ่าย ทำให้ญาติเชื่อว่าเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย
ญาติๆ ของ "ทองมา" พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นคนรักห่วงใยครอบครัว ร่าเริง ชอบทำบุญ เป็นคนขยันทำมาหากิน เก็บเงินสร้างบ้านราคากว่า 1 ล้านบาทได้โดยไม่มีหนี้สิน แต่เขาเป็นคนคิดมาก ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.บอกว่าเป็นลูกหนี้ชั้นดี เพราะไม่เคยค้างจ่าย มีหนี้สินเท่าไรหามาใช้จนหมด เขายึดมั่นเสมอว่าเป็นหนี้เท่าไรต้องรีบใช้ จึงไม่มีปัญหาหนี้สิน แต่พอมีเรื่องไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว อาจทำให้คิดมากและตัดสินใจแบบนี้
ไม่ต่างจากครอบครัวของ "เมือง พันธุชาติ" ผู้ใหญ่บ้านดีเด่น บ้านอาวอย อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ในอีกสถานะหนึ่งเป็นชาวนาที่นำข้าวกว่า 7 ตันเข้าร่วมโครงการแต่ยังไม่ได้รับเงิน นอกจากนี้ ยังได้ค้ำประกันรถให้แก่เพื่อนบ้านแต่มีปัญหาขาดส่ง และปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่รุมเร้า ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานเชื่อว่าทำให้นายเมืองตัดสินใจผูกคอตาย
“ชาตินี้คงอยู่บนโลกนี้ไม่ได้แล้วและไม่อยากมีชีวิตอยู่” เป็นข้อความที่ "เมือง" บอกกับครอบครัว รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนสนิทอย่าง นายสวาต บุตรวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านอาวอย หมู่ 2 ที่รู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก จนได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ร่วมทำงาน ปรึกษาหารือกันตลอด
"สวาต" บอกว่า เพื่อนมีนิสัยร่าเริง ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คอยช่วยเหลือลูกบ้านทุกเรื่อง เป็นผู้ริเริ่มกองทุนหมู่บ้าน รวมกลุ่มออมทรัพย์ เป็นผู้นำที่หมั่นพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใหญ่เมืองเป็นที่รักนับถือของชาวบ้าน จนได้เป็นผู้ใหญ่บ้านดีเด่น ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีปัญหาจนตัดสินใจฆ่าตัวตาย
“เริ่มผิดสังเกตเห็นความผิดปกติคือช่วงหลังวันเด็ก ผู้ใหญ่เมืองมีอาการซึมเศร้า วิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ไม่ร่าเริง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและมักจะบ่นว่าอยากตายกับคนใกล้ชิด หลังเสียชีวิตตำรวจพบจดหมายลาตายที่เขียนด้วยลายมือของนายเมือง เนื้อหาขอโทษครอบครัวและชาวบ้านเรื่องหนี้สิน แต่ไม่ได้ระบุเรื่องปัญหาไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว หลายคนเชื่อว่าการฆ่าตัวตายมาจากหลายสาเหตุ ทั้งความเครียดจากโรครุมเร้า หนี้สิน และลูกบ้านถามเรื่องเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายจากโครงการรับจำนำข้าว”
นายสวาต เชื่อว่า เพื่อนสนิทที่มีประสบการณ์การทำงานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาทุกเรื่องให้ผ่านพ้นมาได้ เรื่องหนี้สินก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ส่วนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ประเด็นนี้เกษตรกรทั่วประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกัน
"ที่ผ่านมามีลูกบ้านมาสอบถามปัญหาที่ค้างคาใจทุกวัน ในฐานะที่ต้องปกครองดูแลลูกบ้านก็ต้องหาคำตอบมาอธิบายให้เขาเข้าใจ ระยะนี้ส่วนใหญ่ก็มาถามเรื่องเงินจำนำข้าว ก็ต้องคอยหาคำตอบและปลอบใจลูกบ้านที่เดือดร้อนไป จนอาจทำให้เกิดความเครียด ผมเองก็มีปัญหาไม่ได้รับเงินจากโครงการไม่ต่างจากคนอื่นๆ คิดว่า ผู้ใหญ่เมืองผูกคอตาย ส่วนหนึ่งอาจมาจากเรื่องการจำนำข้าว ที่ยังไม่ได้รับเงินและเครียดที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อน” นายสวาต กล่าว
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!