ห้วง เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศ ตั้งแต่เมื่อปลายปีก่อนจนถึงขณะนี้
ระหว่างความพยายามเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง ตามกระบวนการประชาธิปไตย โดยรัฐบาลรักษาการ ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ควบ รมว.กลาโหม ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฐานเสียงสนับสนุนหลักใหญ่อย่างเป็นทางการ
กับ ปฏิบัติการ "ปิดกรุงเทพฯ-สถานที่ราชการ" เรียกร้องให้เกิด "สภาประชาชน" เพื่อ "ปฏิรูป" ของกลุ่มประชาชน กปปส. รวมถึงแนวร่วมอย่าง คปท. และ กปท. ฝ่ายต่อต้าน ผู้ไม่เอา "ระบอบทักษิณ" ที่มีอดีตกำนัน "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นแม่ทัพ และมีพลพรรคคนประชาธิปัตย์ คอยอยู่เคียงข้างซับพอร์ต
ท่ามกลางภาวะการเมืองอันร้อนแรง กับเหตุร้ายรายวัน ที่นำพาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เข้มข้นขึ้นทุกขณะ
"สื่อ มวลชน" เป็นหนึ่งกลุ่มวิชาชีพที่ถูกคาดหวังต่อการนำเสนอข่าวสาร ข้อเท็จ ความจริงของทุกเหตุการณ์ ถ่ายทอดสู่ประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะ "ฟรีทีวี" ช่องทางที่ "ทุกคน" สามารถเข้าถึง
′สรยุทธ สุทัศนะจินดา′ ผมเป็นสื่อ ไม่ใช่คู่กรณี พี่น้องเอ๊ย !! อยู่ตรงกลางมันลำบาก
ผู้มีอิทธิพลในฐานะสื่อที่ใครต่อใครในสังคมต่างก็ติดตามเป็นอันดับต้นๆ ยังหนีไม่พ้น "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ............. (ที่มา:มติชนสุดสัปดาห์ประจำวันที่ 24- 30 มกราคม 2557)
อีกหนึ่งเป้าสำคัญในการ "โจมตี" จาก "ผู้คาดหวัง"
และ ยิ่งในห้วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา การทำหน้าที่ของ "สรยุทธ" ก็ถูกวิจารณ์หนัก โดยเฉพาะบนเวทีของ กปปส. จากบรรดาแกนนำฝีปากกล้า ที่เรียกเสียงโห่ฮา เป่าปรี๊ด ชอบใจของผู้ชุมนุม ในเรื่องของลำดับวาระของข่าว
ข้อครหานอกจากเรื่องของ "ความเป็นกลาง" การทำหน้าที่ฐานันดรที่ 4 ระหว่างเล่าข่าว รวมถึงการแสดงความเห็นส่วนตัวสอดแทรกแล้ว ยังพุ่งเป้าไปที่เวลานำเสนอกรณีการตั้งท้องของ แพนด้า "หลินฮุ่ย" ณ สวนสัตว์เชียงใหม่ จนทำให้ "ผู้ชม" บางส่วนคิดไปว่า น้ำหนักประเด็นการเมือง เรื่องของ "มวลมหาประชาชน" ดูจะน้อยไป
จนถึงขนาดที่ "กำนันสุเทพ" ต้องประกาศให้ กปปส. ไปเยี่ยมช่อง 3 อีกครั้ง จากที่ก่อนหน้าเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน ได้บุกกันไปถึงอาคารมาลีนนท์ เรียกร้องให้ "เป่านกหวีด"
เรื่องนี้ เจ้าตัวได้นำมาชี้แจงผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ยืนยันความบริสุทธิ์จากข้อกล่าวหา โดยให้ตรวจสอบได้ในเว็บไซต์รายการทุกช่วง ทุกตอน ด้วยใจที่เป็นธรรม พร้อมยกเอาวันชัตดาวน์กรุงเทพฯ 13 มกราคม ที่เกือบตลอด 2 ชั่วโมงของรายการ ก็เป็นเรื่องของการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ทั้งนั้น...
"สมัยนี้กลายเป็นว่าแค่คิดไม่ตรงกัน ก็กลายเป็นศัตรู อยู่ตรงกลางก็ยากลำบาก" ตอนหนึ่งที่พี่ยุทธพูดกับน้องไบรท์ แล้วบอกกับท่านผู้ชม...
แต่ถึงกระนั้น บนเวที กปปส. ก็ยังคงให้ความสำคัญพูดถึง "สรยุทธ" ไม่ได้หยุดหย่อน
"#อด ทนครับ... เป็นอีกครั้งที่การทำหน้าที่ "สื่อ" ของผม ต้องตกเป็น "เหยื่อ" ของการปลุกความเกลียดชัง ตั้งแต่การถูกกล่าวหาว่าผมรายงานจำนวนผู้ชุมนุมน้อยกว่าความเป็นจริง ทั้งที่ไม่เคยรายงาน จนนักข่าวของช่องเกือบถูกทำร้าย
ก่อนหน้านี้ก็ ปลุกกระแสว่าผมไม่รายงานข่าวการชุมนุมหรือรายงานน้อย ทั้งที่ผมก็รายงานตามความเคลื่อนไหวของข่าว หลายครั้งก็ใช้เวลาเกือบจะทั้งรายการแม้กระทั่งการรายงานข่าวแพนด้าในช่วง ข่าวเด็กวันละ 2-3 นาที ก็ถูกเอาไปปลุกกระแสบิดเบือนสร้างความเกลียดชัง ว่านำเสนอข่าวแพนด้าวันละ 30 นาที
ล่าสุด ถูกบิดเบือนว่า ผมวิเคราะห์เหตุระเบิดที่บรรทัดทองในรายการเป็นตุเป็นตะว่า ระเบิดถูกโยนออกมาจากรถในขบวน ทั้งที่ผมไม่ได้พูดสักคำ
ผมจำเป็นต้องชี้แจง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งถ้า 1.ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ 2.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพูด หรือ 3.ไม่มีข้อมูลคำพูดยืนยันจากแหล่งข่าวที่มีตัวตนชัดเจน โดยมาตรฐานการทำสื่อปกติที่มีความรับผิดชอบ ย่อมไม่สามารถวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะได้อยู่แล้ว
การถูกนำไปพูดบนเวที การชุมนุมซึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ออกไปสู่ผู้ฟังและผู้ชมที่กำลังเสียใจ กับการสูญเสียชีวิตผู้ร่วมอุดมการณ์ ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกโกรธแค้นเกลียดชัง แม้ผมจะได้ชี้แจงผ่านรายการในวันต่อมา พร้อมทั้งเปิดเทปรายการในช่วงดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าผมไม่ได้พูดเป็นตุเป็น ตะอย่างที่ถูกพาดพิงกล่าวหาแล้ว
แต่เข้าใจว่าผู้ฟังและผู้ชมการ ปราศรัยส่วนหนึ่งคงไม่ได้ติดตามรายการของผม ดังจะเห็นได้จากการพาดพิงถึงผมหลายครั้งซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ก็ยังมีความ เชื่อและยังพูดต่อๆ กันเรื่อยมา
ทุกครั้งผมทำได้แค่อดทน และอดทน โดยไม่โต้ตอบ เพราะคิดว่าในเหตุการณ์ความขัดแย้ง ผมเป็นสื่อ ไม่ใช่คู่กรณี
ผมพร้อมจะรับผิดชอบและยอมรับ ถ้าได้นำเสนอเรื่องใดไปจริง แล้วจะมีผู้ไม่เห็นด้วย เพราะนั่นคือความเห็นต่าง แต่การบิดเบือนสร้างความเกลียดชังเพื่อทำลายล้างผู้ที่ไม่ยอมเลือกข้างอย่าง ที่ตัวเองต้องการ ย่อมไม่ใช่วิถีของผู้ที่ต้องการประชาธิปไตยอันสมบูรณ์"
สรยุทธ สุทัศนะจินดา เขียนข้อความระบายความในใจยืดยาว ผ่านอินสตาแกรม @sorrayuth9111 เมื่อ 19 มกราคม
เรื่อง ของ "สุรยุทธ" เป็นเรื่องที่เราๆ ได้ฟังกันมาคุ้นชินมาหลายปี จากการถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด กรณีบริษัทไร่ส้ม รับโฆษณาเกินสัญญา 138 ล้านบาท
จนสื่อ ผู้มีจริยธรรมอันดีทั้งหลาย ออกมาเอาเป็นเอาตาย "สั่งประหาร" พวกโกงกินคอร์รัปชั่น ให้กำราบจำเป็นตัวอย่าง หลังขาดซึ่ง "ศีลธรรม" ทั้งที่อยู่ในสถานะสื่อมวลชน ด้วยจริยธรรมข้อที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ทั้งยังรุมกันตะเพิดให้พ้นไปเสียจากจอโทรทัศน์ทันที รวมถึงจี้ให้บรรดาสปอนเซอร์สินค้าร่วมกันบอยคอต แบบไม่ต้องรอการพิสูจน์ตามกระบวนการยุติธรรมก่อน
ทั้งที่ใครๆ ก็รู้ว่า สรยุทธ เป็นตัวทำรายได้ เรียกเรตติ้งมูลค่ามหาศาลให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
แต่ พอศาลปกครองพิพากษาให้ บริษัท อสมท คืนเงินกว่า 55 ล้าน ให้กับ บริษัทของ "สรยุทธ" บรรดา สื่อ องค์กร ภาคีต่อต้านคอร์รัปชั่น เหล่านั้น ต่างเงียบกริบ!!!
การทำหน้าที่นักเล่าข่าว ซึ่งถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดจากสังคม แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับรายการที่ "สรยุทธ" เป็นผู้ดำเนิน เป็นผู้เชิญชวนให้คนนั้นคนนี้มานั่งถกในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจสักเท่า ไหร่ เพราะกลไกลของธุรกิจสื่อ ควบคู่กับการทำหน้าสื่อมวลชน ก็ยังดำเนินไป...
การชี้นำโดย "สื่อผู้ทรงอิทธิพล ดูจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ในยุคที่การสื่อสารในโลกออนไลน์เข้ามาแทนที่ในสังคมไทย ความคิดต่าง การแบ่งแยก ได้ปักธงในความรู้สึกของผู้คนให้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งแล้ว จากเหตุใหญ่ในเรื่องการเมือง"
ไม่เช่นนั้น คงไม่เกิดเหตุการณ์ "คุกคามสื่อ" ทั้งการสร้างบทบาท และระหว่างการทำหน้าที่อย่างที่เรารู้ๆ กันดีเช่นทุกวันนี้หรอก...