โผล่อ้างเป็นพ่อ น้องเกรซสู้ชีวิต

"ชายนิรนามอ้าง พ่อน้องเกรซ"



กรณี ด.ญ.ฟารีดา ศิริพงษ์ หรือ น้องเกรซ เด็กหญิงกำพร้าวัย 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนคลองกุ่ม

อาศัยอยู่กับป้า ใช้เวลาว่างหารายได้พิเศษ

ด้วยการตีขิมอยู่ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเพื่อหาทุนเรียนหนังสือ ตามที่ ไทยรัฐ ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวานนี้ (8 เม.ย.) ว่า หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวออกไป

ได้มีคนจำนวนมากที่ทราบข่าว

อยากช่วยเหลือเดินทางมาบริจาคเงินช่วย น้องเกรซ ซึ่งได้มานั่งตีขิมอยู่ที่ริมรั้วด้านหน้าสวนจตุจักรตามที่เคยปฏิบัติทุกวันเสาร์-อาทิตย์ บางคนบริจาคเงินให้พร้อมมอบหนังสือสวดมนต์

หลายคนมาช่วยซื้อผ้าเช็ดหน้า

ที่ป้าของน้องเกรซนั่งขายอยู่ใกล้กัน บางคนเข้ามาเสนอความช่วยเหลือจะหาขิมตัวใหม่ให้แทนตัวเก่าที่ใช้งานมานาน และสายบางเส้นได้ขาดไป พร้อมทั้งจะช่วยเหลือในการให้มีที่เรียนดนตรีเพื่อพัฒนาฝีมือในการเล่นขิม ขณะที่น้องเกรซเปิดเผยว่า นั่งตีขิมนานๆ รู้สึกร้อนและเมื่อย แต่ดีใจที่มีคนเห็นใจและให้ความช่วยเหลือ

ด้าน น.ส.เจริญผล ฉัตรทอง อายุ 42 ปี

ป้าของน้องเกรซเปิดเผยว่า หลังไทยรัฐเสนอข่าวของหลานออกไป มีคนเดินทางมาสอบถามความเป็นอยู่และช่วยเหลือมาก ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงมีคนนำเงินมาให้กว่า 2,000 บาท



โดยบอกว่าทราบข่าวแล้วรู้สึกสงสารเด็ก

บางคนให้ นามบัตรเอาไว้ด้วย มีคุณยายคนหนึ่งนำเงิน 1,000 บาทมามอบให้ บอกว่าอ่านข่าวแล้วสงสารจึงอยากช่วยเหลือ ถึงขนาดต้องหนีหลานขึ้นรถแท็กซี่เอาเงินมาให้ เพราะบ้านอยู่ไกลและตัวเองแก่แล้วหลานจึงห้ามไว้

ตนกับหลานรู้สึกขอบคุณในความช่วยเหลือ

ที่ทุกคนมีให้ สำหรับตนก็อายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดี ขาข้างขวางอพับไม่ได้ เพราะเคยตกรถเมล์ขณะที่ไปส่งน้องเกรซไปโรงเรียน ทุกวันนี้อยู่ด้วยกันสองป้าหลานไม่ได้มีรายได้มากมาย ห่วงหลานที่โตขึ้นทุกวันยังไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ยังอุ่นใจที่เป็นเด็กรักดีมีความกตัญญู

ขณะเดียวกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า

ระหว่างที่ น้องเกรซ นั่งตีขิมอยู่นั้น มีชายสูงอายุคนหนึ่งยืนฟังด้วยความสนใจเป็นเวลานานนับชั่วโมง เมื่อเข้าไปสอบถามทราบว่าเป็นชาวญี่ปุ่นพูดภาษาไทยได้เล็กน้อย มีชื่อว่า นายเคนจิโร ชิโนฮารา อยู่เมืองฟูกุโอกะ มาอยู่เมืองไทยนาน 4 ปีแล้ว

อาศัยอยู่แถวซอยอารีย์

ย่านสะพานควาย ทุกวันอาทิตย์จะเดินทางมาฟัง น้องเกรซ ตีขิม เพราะสงสารเด็ก และชอบฟังเสียงขิมบรรเลงด้วย ขณะที่ป้าของน้องเกรซพูดเสริมขึ้นว่า ลุงเคน จะมาทุกวันอาทิตย์ และจะช่วยบริจาคเงิน 50 บาททุกครั้ง

มาฟังตั้งแต่หลานเริ่มมาตีขิมที่นี่ประมาณ 8 เดือนแล้ว

และยังซื้อร่มไว้ให้กางกันแดดกันฝนด้วย ทุกครั้งที่มาจะยืนฟังเสียงขิมด้วยความสนใจเป็นเวลานาน จนคนแถวนี้รู้ดีว่าเป็นแฟนคลับของ น้องเกรซ ถ้าวันไหนไม่มาจะมีคนมาถามว่าวันนี้ ลุงเคน ไปไหน



นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่มีคนแห่มาให้ความช่วยเหลือ

น้องเกรซ มากขึ้นแล้ว ในวันเดียวกัน มีชายคนหนึ่งโทรศัพท์มาที่ นสพ.ไทยรัฐ สอบถามประวัติ น้องเกรซ โดยอ้างว่าสงสัยว่า น้องเกรซ อาจจะเป็นลูกสาวของตนที่เกิดกับภรรยาเก่าที่เลิกรากันไปนาน 13 ปีแล้ว

ปัจจุบันชายคนดังกล่าวประกอบธุรกิจส่วนตัว

อยู่ที่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา อ้างว่าช่วงที่เลิกกับภรรยาเก่า ทราบว่ากำลังท้องและต่อมาคลอดลูกเป็นผู้หญิง จึงพยายามตามหาแต่ไม่พบ ซึ่งเมื่อนำเรื่องนี้ไปถาม น้องเกรซ และป้าก็ได้รับคำตอบจาก น้องเกรซ ว่า ที่ผ่านมาก็อยากเจอหน้าพ่อ แต่ตอนนี้ขออยู่กับป้าดีกว่า

ขณะที่ป้าน้องเกรซกล่าวว่า

ชายคนดังกล่าวไม่ใช่พ่อของหลานแน่นอน เพราะนามสกุลศิริพงษ์ที่หลานใช้อยู่ไม่ใช่นามสกุลของพ่อที่แท้จริง เป็นนามสกุลของนายสมเกียรติ ศิริพงษ์ คนที่แม่ของน้องเกรซเคยบอกว่าจ้างให้จดทะเบียนสมรสด้วยตอนไปทำงานที่ฮ่องกง

ได้พยายามตามหาเพื่อให้มาหย่าแต่ไม่เจอ

ทราบเพียงว่าย้ายจากนครปฐมไปอยู่หาดใหญ่ ตนก็อยากเจอตัว อยากถามว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ ยังไม่ทราบว่าพ่อของหลานเป็นใคร น้องสาวไม่ได้เล่า รายละเอียดให้ฟังก็เสียชีวิตไปก่อน

น้องเกรซเคยถามแม่ถึงพ่อ

แต่แม่ได้บอกว่าอย่าพูดถึงคนไม่มีความรับผิดชอบ หลังจากนั้นหลานจึงไม่ถามถึงอีกเลย และตนก็กำลังคิดจะให้น้องเกรซเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของตนแทน



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์