‘ประคอง ชูจันทร์’อีกหนึ่งชีวิตที่ปลิดปลิว

‘ประคอง ชูจันทร์’อีกหนึ่งชีวิตที่ปลิดปลิว

เราเคยสบตากันในวันพบ

ด้วยความรักเคารพในความหมาย

ว่ารักชาติศาสน์กษัตริย์มิวางวาย

เราจึงมาปรากฏกายที่ตรงนั้น


เหมือนเหมือนมวลมหาชนคนอื่นอื่น

มาแข็งขืนต่อรัฐบาลสามานย์นั่น

เราจึงมอบรอยยิ้มอิ่มใจกัน

และเดินหน้าผลักดันอุดมการณ์


มาบัดนี้ลมหายใจเขาหายจาก

เพื่อนผองต่างน้ำตาพรากด้วยโศกศานติ์

โอ... “ประคอง ชูจันทร์” เมื่อวันวาน

เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณแล้ววันนี้


ฉันพบเพียงน้ำตาที่ถาโถม

และความเศร้าเข้าจู่โจมใจเต็มปรี่

ต้องอีกกี่ประชาชน...กี่คนดี

พลีแก่นางอัปรีย์...ยิ่งทรลักษณ์


ใคร? ฆาตกรใจดำอำมหิต

ใคร? จิตวิปริต--อีหอกหัก

กระสันแต่อำนาจเลวชาตินัก

แผ่นดินจักลุกเป็นไฟเพื่อไล่มึง!!


--- ไปสู่สุคตินะ ประคอง ชูจันทร์ ----

ขอคารวะดวงวิญญาณของคุณ

ที่จะกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งผองเรา


‘ประคอง ชูจันทร์’อีกหนึ่งชีวิตที่ปลิดปลิว

ข่าวเศร้าเกิดขึ้นในยามค่อนรุ่ง ของเช้าวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2557 หลังจากมวลมหาประชาชน กปปส.
 
จากเจ็บใจและประณามการปาระเบิดเข้าใส่ขบวนเดินเท้าของประชาชน ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ณ ตึกร้างย่านบรรทัดทอง กรุงเทพมหานคร นั่นคือข่าวการสิ้นลมของนายประคอง ชูจันทร์ ประชาชนชาวนครศรีธรรมราช (แต่ปัจจุบันอยู่จังหวัดภูเก็ต) ผู้ที่ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่หน้าอก ทะลุปอด --เขาคือคนที่มวลมหาประชาชนเฝ้าเป็นห่วงและสวดมนต์ภาวนาให้ทั้งคืน

เมื่อเวลา 19.20 น. วันที่ 17 มกราคม 2557 ที่เวทีสี่แยกปทุมวัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวปราศรัยถึงเหตุระเบิดว่า
 
เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและเป็นเรื่องที่ตนจำเป็นต้องออกมาพูด และ กปปส.จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลพี่น้องทุกคน
สำหรับผลการตรวจค้นพบหมวกแดง, อาวุธปืนกลเอ็ม-16 ยังไม่ประกอบ และวิทยุสื่อสารจำนวน 4 เครื่อง เนื่องจากคนร้ายเก็บกลับไปไม่ทันจึงทิ้งเป็นหลักฐานไว้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ การ์ด กปปส.ก็ได้เข้าไปด้วย หลักฐานเหล่านี้อยู่ในมือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอให้พี่น้องคอยติดตามว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. จะทำอย่างไร

“มีผู้สันทัดกรณีบอกว่าวิทยุสื่อสารสมัยนี้มีเทคโนโลยีที่สามารถสืบย้อนหลังได้ว่าติดต่อสื่อสารกับใครได้บ้าง ส่วนหมวกสีแดงเป็นหมวกที่มอบให้กับชุดปฏิบัติการจู่โจมหน่วยงานตำรวจภูธร 13 อำเภอใน จ.นราธิวาส และที่น่าแปลก ใกล้อาคารร้างมีรถตำรวจติดตราโล่และเขียนป้ายบอกว่าให้ติดต่อ ร.ต.ท.เอกพล ผุดผอม”

นายสุเทพกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 16 ม.ค. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศจับตัว ซึ่งตนก็นอนอยู่ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แต่ต้องหนีไปนอนที่สวนลุมพินี ซึ่งเขาก็ตามไปยิงข้างสวนลุมพินีตอนตีสอง นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หวังดีแจ้งข่าวให้ตนระวังตัว เพราะเขาจะดักจับระหว่างเดินทางเปลี่ยนเวที

“ในไลน์ของตำรวจบอกว่าเราสร้างสถานการณ์กันเอง อดุลย์ วรพงษ์ คำรณวิทย์ ปิยะ กูไม่ใช่พวกนปช. จะได้ฆ่าพวกเดียวกันเพื่อสร้างสถานการณ์ พวกมึงสร้างสถานการณ์เมื่อปี 2553 ฆ่าตำรวจ ทหาร ประชาชน เพื่อให้เกิดสงครามกลางเมือง ต้องการปฏิวัติเอาพ่อมึงกลับจากดูไบ แต่กูไม่ใช่ คนอย่างกูแม้จะเป็นคนบ้านนอกเป็นกำนัน แต่กูรักพวก ไม่ฆ่าพวกเดียวกัน ไม่เหมือนพวกมึงไม่เลือกใคร ขอให้ได้ประโยชน์ฆ่าทั้งนั้น เลวเหมือนกัน” นายสุเทพกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

นายสุเทพยังกล่าวอีกว่า เมื่อคืนตนสั่งเสียพี่น้องไว้แล้วว่า การต่อสู้ครั้งนี้เราเสียสละกันมาก

ตนไม่แน่ใจว่าจะหลบหนีได้ตลอดหากเขาจับตนได้ ขอพี่น้องอย่ายอมแพ้ สู้ให้ชนะ อย่าให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิตโดยเปล่าประโยชน์ ต้องสืบปณิธานของเขา ล้มระบอบทักษิณให้สิ้นด้วยมือเรา และไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงิน เมื่อคืนเรียกแกนนำ กปปส.มาบอกว่าตนได้กระจายเงินไว้จุดใดบ้าง หากตนถูกจับหรือเสียชีวิตให้นำเงินดังกล่าวมาต่อสู้กับระบอบทักษิณ

“ไม่ต้องกลัวว่าเป็นมือที่สาม ผมจะบอกว่าคือมือพวกมึงทั้งนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์มันจัญไร จัญไรทั้งโคตร โกงทั้งโคตร ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มักใหญ่ใฝ่สูง ผมไม่กลัว ไม่ใส่เสื้อเกราะ พรุ่งนี้ 10 โมงจะเดินอีก เชิญชวนชาวกรุงเทพฯ ให้ออกมาขับไล่รัฐบาลอีก เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์คือนางมารร้าย ไม่ใช่โง่ พรุ่งนี้ขอให้พี่น้องทุกจังหวัดเตรียมการปิดจังหวัดไม่ให้ราชการทำงานได้ สำหรับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ถ้าท่านไม่ใช่คนขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ขอให้ออกมาร่วมชุมนุมกับเรา เพราะเราคือประชาชนเหมือนกัน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสุเทพอ่านรายชื่อและอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส นายสุเทพได้หลั่งน้ำตาบนเวที พร้อมกับนำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับ โดยได้เปิดคลิปวิดีโอและภาพนิ่งขณะเกิดเหตุระเบิดด้วย

ต่อมาในวันรุ่งขึ้น รายงานเข้ามาว่าประคอง ชูจันทร์ สิ้นลมจากไปแล้วก็กลายเป็นข่าวสะเทือนใจ

นางทิพเยาว์ ชูจันทร์ อายุ 42 ปี ภรรยาของนายประคอง กล่าวว่า
 
หลังจากทราบเรื่องว่าสามีถูกระเบิด นางทิพเยาว์ รู้สึกตกใจมากจึงรีบเดินทางขึ้นเครื่องบินจาก จ.ภูเก็ต มายังกรุงเทพมหานคร เพื่อมาเยี่ยมสามีของตนเอง เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ยังไม่ได้ทันพบหน้าสามี ก็มาทราบว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งตนกับนายประคอง นั้น ประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าที่ อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยมีบุตรด้วยกัน 3 คน คนโตกับคนกลางเป็นผู้หญิง คนสุดท้องผู้ชาย โดยทั้งสามกำลังเรียนอยู่ทั้งหมด

เธอเล่าว่า ประคองเดินทางมาร่วมการชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยตนเองอยู่ที่บ้านไม่ได้มาเข้าร่วม เพียงแต่ส่งกำลังใจไปเท่านั้น ช่วงระหว่างการชุมนุมทราบว่า นายประคอง ได้พักผ่อนที่ย่านเวทีสวนลุมพินีเท่านั้น ตอนนี้รู้สึกเสียใจมากที่ต้องมาเสียผู้นำครอบครัวไป อย่างไรก็ตาม ตนขอบอกลูกๆ ว่าตนจะทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวให้ดีที่สุด

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หนึ่งในแกนนำ กปปส. กล่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ผู้ชุมนุม และทีมงาน กปปส.ทั้งหมดมีความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางกลุ่ม กปปส.ได้ประสานงานการดูแลตั้งแต่นายประคอง ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตมาโดยตลอด ซึ่งทาง กปปส.จะเยียวยาให้แก่ครอบครัวในทุกด้านไม่ว่าเป็นเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด รวมถึงการจัดงานบำเพ็ญกุศลตลอดจนการเดินทางของครอบครัว เบื้องต้นขอพูดคุยกับทางภรรยาเรื่องการบำเพ็ญกุศลก่อน ทาง กปปส.ต้องการให้ตั้งสวดอภิธรรมใน กทม. เพื่อให้กลุ่ม กปปส.ร่วมไว้อาลัย ซึ่งจากนี้ต่อไปจะมีการเพิ่มมาตรการที่รักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นมากขึ้น
น่าประหลาดใจ

1.เหตุปาระเบิดเข้าใส่ประชาชน และการสิ้นชีวิตของประคอง ไม่มีใครได้ยินคำว่า “เสียใจ” เปล่งออกจากปากของนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (รักษาการ) เลย

2.อันที่จริงก็ไม่ควรประหลาดใจหรอก เพราะการตายของนักศึกษารามคำแหง การตายของนายวสุ สุฉันทบุตร การตายของนายยุทธนา องอาจ การ์ด คปท. ก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยมีใครได้ยินคำว่า “เสียใจ” จากปากของนางยิ่งลักษณ์เช่นเดียวกัน

3.ไม่ว่ายามปกติหรือยามรักษาการ ไม่ว่าประชาชนเหล่านั้นจะมายกยอปอปั้นหรือประท้วงขับไล่ การวางตัวของผู้ดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ย่อมไม่ใช่ท่าทีที่เป็น “ศัตรู” หรือ “คนละพวก” กับพวกเขา ยังมีหน้าที่ต้องคุ้มครองดูแลให้ปลอดภัย และย่อมมิใช่การให้ร้าย ใส่ความ ข่มขู่ หรือแม้กระทั่งให้สมัครพรรคพวกลงมือทำร้าย

4.ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ใครเป็นคนทำร้าย แต่ตำรวจและรัฐบาลรักษาการชุดนี้ ซึ่งเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน และมีท่าทีเห็นประชาชนเป็นศัตรูเหมือนกัน มีหน้าที่ “ค้นหาความจริง” โดยด่วน

5.แต่บัดนี้ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่จะนำมาสู่การให้ความเป็นธรรมแก่ครอบครัวของผู้สูญเสียได้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย

6.นางยิ่งลักษณ์กับพรรคเพื่อไทย ได้แสดงตน “ทรยศ” ต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ปี 2553 มาแล้ว ด้วยการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ย่ำยีหัวใจของผู้ที่สูญเสีย เช่น นางนิชา หิรัญบุรณะ ธุวธรรม, นางพะเยาว์ อัคฮาด และครอบครัวของนางธัญนันทน์ แถบทอง ที่เสียชีวิตย่านศาลาแดง แต่กฎหมายนิรโทษกรรม ได้ตัดตอนกระบวนการค้นหาความจริงว่าใครฆ่าพลเอกร่มเกล้า, ใครฆ่ากมนเกด อัคฮาด และใครฆ่าคุณธัญนันทน์ ปล่อยฆาตกรให้ลอยนวลโดยไม่ติดตามค้นหา ตัดตอนกระบวนการยุติธรรมที่จะตามมา แถมยัดไส้การนิรโทษกรรมให้แก่คดีคอร์รัปชั่น เพื่อประโยชน์โดยตรงต่อทักษิณ ชินวัตร

7.ความอำมหิตและเลวทรามเช่นนั้น ย่อมยากที่จะคาดหวังว่าวันนี้ นางยิ่งลักษณ์กับพวก จะเกิดมีศีลธรรมขึ้นในใจอย่างปัจจุบันทันด่วน

8.จึงอยากถามว่า... พี่น้องประชาชนที่ยังนิ่งเฉยครับ ตำรวจที่บอกว่า “ตำรวจดีๆ ยังมีครับ” คุณเห็น “ประชาชน” ถูกกระทำรุนแรงมากี่ครั้งแล้วครับ ต้องสะสมสักกี่แต้มหรือครับ พวกท่านถึงจะปรากฏตัว ไม่ต้องมารวมเป็นมวลมหาประชาชนก็ได้ แต่ต้องแสดงตนประณามการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้น!!

9.อาจารย์ชลธิรา สัตยาวัฒนา โพสต์ถามพวก 2 เอา 2 ไม่เอาผ่านเฟซบุ๊ค Cholthira Satyawadhna ว่า “ข้อมูลประกอบการทำความเข้าใจเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นที่ถนนบรรทัดทองวันนี้ เวลาบ่ายโมง มีผู้บาดเจ็บกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เพราะถูกสะเก็ดระเบิด จำนวนกว่า 30 ราย ในจำนวนนี้ มีผู้หญิง 10 ราย อีกทั้งมีผู้สูงอายุและเด็กด้วย ผู้ป่วยรายหนึ่งแม้จนขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นคืนสตินักวิชาการที่ดีแต่สร้างวาทกรรม “2 เอา 2 ไม่เอา” โปรดให้คำตอบแก่สาธารณชนว่า จริงๆ แล้ว คุณเอาอะไร และไม่เอาอะไร เพราะเท่าที่เห็นเป็นประจักษ์พยาน “2 เอา” ของคุณ คือ “เอาระบอบทักษิณ เอายิ่งลักษณ์” “2 ไม่เอา” ของคุณ คือ “ไม่เอาความจริง และไม่เอาประชาชนที่รักความดีงาม”...หรือว่าไม่จริง ?

10.พวกที่เคยออกมาจุดเทียนสันติภาพ ต่อต้านความรุนแรง ยังมีชีวิตอยู่บ้างไหมครับ ในความรุนแรงของเหตุการณ์นี้ ในการเสียชีวิตของ “ประคอง ชูจันทร์” นี้ จะออกมาจุดเทียนและประณามคนที่ใช้ความรุนแรงกันไหมครับ หรือตลอดเวลาที่ผ่านมา เทียนที่จุดกันนั้น เป็นแค่เทียนสามานย์ของพวก “อีแอบ” ที่จำแปลงแปลงสีเสื้อ มาช่วยกู้สถานการณ์ของระบอบทักษิณ กับพวก “หัวกลวง” ที่ไม่ดูซ้ายดูขวา ว่าคนที่นำตนมาจุดเทียนนั้น เคยกระทำอะไรเอาไว้บ้างในบ้านในเมืองนี้

11.พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กล่าวถึงการเข้าตรวจสอบเหตุระเบิดถนนบรรทัดทอง ในขณะที่ขบวนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. กำลังผ่านบริเวณดังกล่าว เมื่อวานที่ผ่านมาว่า หลังจากเข้าตรวจสอบแล้วพบว่าหลุมสะเก็ดระเบิดนั้นมีความกว้าง ประมาณ 15 ซม. ลึกประมาณ 5 ซม. เมื่อตรวจสอบสะเก็ดระเบิดเป็นชนิด RGD 5 ของประเทศจีน หรือ รัสเซีย เป็นชนิดขว้าง รัศมีทำลายล้าง 6 เมตรยืนยันไม่ได้ขว้างมาจากในรถม็อบ กปปส. ชี้เป็นไปได้ยากเพราะรัศมีสังหาร 6 เมตร อาจทำให้คนขว้างเสียชีวิตได้

12.พ้นเวลาบ่ายเบี่ยงง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องของมือที่สาม หรือใส่ความว่าผู้ชุมนุมทำเอง แต่เป็นเวลาที่จะต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจ จัดกำลังที่ไว้ใจได้ เข้ามาคุ้มครองการชุมนุมของประชาชน หรือส่งสัญญาณไปยังกลุ่มเสื้อแดงที่ชอบใช้ความรุนแรงสร้างผลงานว่าให้หยุดซะ

13.ถึงเวลาที่นางยิ่งลักษณ์ต้องรับความจริงเสียทีว่า ตนเองคือปัญหาของเรื่องที่เกิดในทุกวันนี้ เพราะได้อำนาจมาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจนั้นอย่างไม่สุจริต เที่ยงธรรม เปิดเผย โปร่งใส แถมทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม มีพฤติกรรมแสวงหาอำนาจที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจ ติดหนี้ชาวนา ยังหาเงินไปจ่ายค่าจำนำข้าวไม่ได้ ก็ควรเสียสละ ลาออกจากการเป็นรัฐบาลรักษาการไป เปิดทางให้ประเทศไทยได้มีการปฏิรูป แล้วกลับเข้าสู่การเลือกตั้งอีกหนจะดีกว่า


หยุดดื้อด้าน ว่าการปฏิรูปไม่มีกฎหมายรองรับ หยุดเล่นบทผู้เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่คำวินิจฉัยของศาลชี้ชัดว่าเธอกับพวกมิได้เคารพรัฐธรรมนูญ

หยุดพฤติกรรมทำนอง “โจรสอนพระ กะหรี่สอนกุลสตรี” ได้แล้ว

นี่เป็นเวลา “รับผิดชอบ” ไม่ใช่เวลาที่จะเห็นแก่ตัวแล้วบอกว่า “ไปเลือกตั้งกันเถอะค่ะ

ปัญหาทุกอย่างจะยุติ” เพราะ กกต. ก็บอกอยู่ปาวๆ ว่าเลือกตั้ง 2 ก.พ.นี้มีปัญหา ขอเวลาให้ไปพบไปคุย ก็ยังไม่ไป

คิดให้ดี...ใครกันแน่ คือปัญหาของประเทศชาติในตอนนี้


เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์