พระพยอม คว่ำบาตรราชการ แพ้คดีที่ดิน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เม.ย. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 19 ศาลจังหวัดนนทบุรี


ผู้พิพากษาได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่นายถนอม หิรัญประดิษฐ์ กับพวก ซึ่งเป็นทายาทของนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางวันทนา สุขสำเริง จำเลยที่ 1 มูลนิธิสวนแก้ว จำเลยที่ 2

เพื่อให้เพิกถอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 55600 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งาน 55 ตารางวา ที่อยู่หน้าวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

ที่นางวันทนา ผู้ครอบครองโดยปรปักษ์นำไปขายให้กับมูลนิธิสวนแก้วในราคา 10 ล้านบาท โดยศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานแล้วมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการครอบครองกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2

โดยให้กลับไปเป็นของนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ ตามเดิม พร้อมทั้งให้จำเลยจ่ายค่าทนายแก่โจทก์เป็นเงิน 5,000 บาท

โดยภายหลังสิ้นคำพิพากษานายวิทูรย์ ศิริวิโรจน์ ที่ปรึกษามูลนิธิสวนแก้ว กล่าวว่า


เมื่อศาลตัดสินออกมาอย่างนี้ ทางมูลนิธิสวนแก้วคงต้องรอปรึกษากับพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้วก่อนว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เนื่องจากขณะนี้พระพยอมไม่ได้อยู่วัด รับกิจนิมนต์ให้ไปเทศน์ที่ จ.บุรีรัมย์ จะเดินทางกลับมาภายในอาทิตย์นี้


สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวก่อนที่จะกลายมาเป็นข้อพิพาทเดิมมีชื่อของนางทองอยู่ หิรัญประดิษฐ์ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนดหมายเลข 8215 และ 8216

ต่อมาในปี 2516 นางทองอยู่ได้ยกให้นางผาด บุญมี แต่ ไม่ได้จดทะเบียน นางผาดปลูกบ้านและทำสวนร่วมกับนางวันทนา สุขสำเริง กระทั่งในปี 2546 นางวันทนายื่นคำร้องต่อศาลขอมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งครอบครองโดยปรปักษ์ และศาลมีคำสั่งให้ในปีเดียวกัน

นางวันทนาจึงขอจดทะเบียนกรรมสิทธิ์วันที่ 26 ก.ย. 2546 หลังจากนั้นในวันที่ 3 ก.ย. 2547 นางวันทนาขอจดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดที่ดินหมายเลข 8216 ออกเป็นส่วนๆ ได้โฉนดที่ดินหมายเลข 55600 และขายให้มูลนิธิสวนแก้วเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2547 เป็นเงิน 10 ล้านบาท

กระทั่งเดือน พ.ค. นายถนอม หิรัญประดิษฐ์ ผู้จัดการมรดกของนางทองอยู่กับพวกได้ยื่นคัดค้านคำสั่งศาลที่ให้กรรมสิทธิ์นางวันทนา และขอให้พิจารณาคดีใหม่

ด้านคู่ความยอมความไม่สู้คดี ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีของนางวันทนา เป็นผลให้คำสั่งศาลที่สั่งให้นางวันทนาได้ที่ดินมาครอบครองโดยปรปักษ์ เป็นอันเพิกถอนไป ส่งผลให้มูลนิธิสวนแก้วต้องคืนที่ดินที่ซื้อมาด้วย

ทำให้เกิดข้อพิพาทกับมูลนิธิสวนแก้วที่คัดค้านว่า การซื้อที่ดินดังกล่าวได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ศาลได้นัดคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ กระทั่งมีคำพิพากษาออกมาในที่สุด

ทางด้านพระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้สัมภาษณ์ที่ ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว สาขาวัดสวนแก้ว


ตั้งอยู่ที่บ้านวังปลัด ต.บ้านแพ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ภายหลังทราบคำพิพากษาของศาลว่าจะไม่ ฟ้องร้องใคร ได้ปล่อยวางมานานแล้ว เพราะอยู่ในสมณเพศ

เกรงว่าหากออกไปเคลื่อนไหวจะทำให้เสื่อมเสียศาสนา จากนี้ไปจะคว่ำบาตร งดรับกิจนิมนต์จากส่วนราชการทุกส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานของกรมที่ดินโดยไม่มีกำหนด

ส่วนเรื่องการต่อสู้ทางด้านคดีจะอุทธรณ์หรือไม่


ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการมูลนิธิสวนแก้วที่จะดำเนินการ หรือควรจะตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการออกโฉนดของกรมที่ดินในครั้งนี้ เพราะก่อนซื้อขายได้มีการยืนยันจากกรมที่ดินว่าโฉนดดังกล่าวถูกต้องเพราะเป็นคำสั่งศาล

ถ้าหากปล่อยไว้อย่างนี้ประชาชนหลายคนทั้งประเทศที่ครอบครองที่ดินปรปักษ์ที่ตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับมูลนิธิสวนแก้ว ก็จะได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลน่าจะมีการทบทวนและแก้ไขข้อกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องที่ดินปรปักษ์ หรือให้ผลักดันเข้าไปในการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความชัดเจน ถ้าไม่เช่นนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไปอีกอย่างแน่นอน

พระพยอมยังกล่าวอีกว่า


ขนาดตนเป็นพระที่เป็นที่รู้จักของสังคมก็ยังตกอยู่สภาวะเช่นนี้ ถ้าฟ้องได้น่าจะฟ้องกรมที่ดินมากกว่าหน่วยงานอื่นเพราะได้ทำเรื่องออกโฉนดถูกต้องมาตั้งแต่ต้น พร้อมยืนยันว่าจะปักหลักพำนักที่ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว จ.บุรีรัมย์ ตลอดไป ส่วนมูลนิธิสวนแก้ว ที่ จ.นนทบุรี ก็จะแวะไปดูแลอย่างเช่นสาขาวัดสวนแก้วอื่นๆเช่นกัน

อาตมาน่าจะเป็นคนซวยที่สุดแห่งปี แต่ก็เป็นสุขที่สุดในรอบ 30 ปี ที่บวชมาเพราะไม่ต้องไปรับกิจนิมนต์ของส่วนราชการก็จะเหนื่อยน้อยลง โดยส่วนตัวอยากจะเปิดเผยเรื่องข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหน่วยราชการในการซื้อที่ดินปรปักษ์ของมูลนิธิ

แต่ก็กลัวจะเสียระบบราชการ ให้ประชาชนมีความเชื่อถือของระบบราชการคงอยู่สืบไปดีกว่า แต่ก็เสียดายไม่มีการบันทึกเสียงระหว่างการพูดคุยไว้ หากพูดไปก็จะถูกฟ้องร้องหมิ่น ประมาท

เพราะคนที่พูดแนะนำและให้กำลังใจล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ในระดับประเทศ ใครมองก็เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือ หากรู้ว่าเรื่องจะลงเอยแบบนี้ก็จะได้มีการบันทึกทั้งเสียงและภาพของคนบางกลุ่ม บางพวก บางสถาบันไว้เป็นหลักฐานเปิดโปงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าว

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์