
รามาฯ แถลงยันน้ำสีม่วงไม่ใช่กรด

รามาฯ แถลงยันน้ำสีม่วงไม่ใช่กรด แนะวิธีปฐมพยาบาล อย่าใช้น้ำที่เป็นด่างล้างเพราะยิ่งทำให้แสบร้อน
ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าวเรื่องแก็สน้ำตา ว่า ขณะนี้มีความเข้าใจผิดที่ทำให้เกิดความเป็นห่วงในเรื่องแก๊สน้ำตา ซึ่งจะเรียกว่า แก็ส แต่ความจริงเป็นฝุ่น ผงเล็กๆ ไม่ว่าจะยิงหรือขว้างออกไป เมื่อออกมาก็จะกลายเป็นฝุ่นผง ไม่มีความเป็นกรดหรือด่าง
แต่มีคุณสมบัติทำให้เกิดความระคายเคือง โดยทั่วไปเป็นสารที่ไม่ได้มีอันตรายในรูปแบบอื่น นอกเหนือจากแสบเยื่อบุตา จมูก ปาก ทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังพบว่าว่าความแตกต่างที่เกิดขึ้นในการสลายผู้ชุมนุมคือ การใช้น้ำสีม่วง และมีข่าวลือทางโซเซี่ยลมีเดียว่าเป็นน้ำกรด ซึ่งผู้ที่จะรู้ดีที่สุด คือ ตำรวจ ว่ามีการผสมอะไรลงไปบ้าง แต่หากค้นหาข้อมูลตามที่เข้าใจ สีม่วง นั้นคือ สีเฉยๆ ไม่ได้มีอันตรายอะไร และมีการปฐมพยาบาลเหมือนแก็สน้ำตาทั่วไป
ศ.นพ.วินัย กล่าวว่า ด้วยความเข้าใจตามหลักวิทยาศาสตร์ทั่วไป คนมักเข้าใจว่า เมื่อเกิดกรด และต้องการทำให้เกิดค่าที่เป็นกลางหรือล้างกรดออกต้องใช้ด่างเติมลงไปหรือล้างออก แต่การรักษาผู้ป่วยที่โดนกรด จะไม่ใช้ด่างเพราะระหว่างการทำปฏิกิริยาจะทำให้เกิดการแสบร้อนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดอาการระคายเคืองมากยิ่งขึ้นกับบริเวณเยื่อบุต่างๆ การปฐมพยาบาลจึงต้องใช้น้ำสะอาดล้าง และหากเป็นกรดซัลฟูลริกหรือกรดกำมะถันจริง ยิ่งต้องไม่เติมความเป็นด่างลงไป นอกจากนี้ การนำน้ำที่เป็นด่างมาล้างที่ดวงตา ยังเสี่ยงทำให้ตาบอดได้ นอกเหนือจากอันตรายที่เกิดการถูกแรงกระแทกจากการยิงแก็สน้ำตาด้วย ซึ่งความจริงน้ำเกลือ ก็แทบไม่จำเป็น เพราะหลักการปฐมพยาบาลคือ ปัดฝุ่นออกและล้างด้วยน้ำสะอาดให้มากที่สุด
“จากการที่มีข่าวในสื่อออนไลน์ต่างๆ ว่าแพทย์รามาธิบดี เป็นผู้ให้ข่าวว่าสารที่อยู่ในน้ำสีม่วงเป็นกรดกำมะถัน นั้น คณะแพทย์ศาสตร์ รามาธิบดี ได้มีการตรวจสอบและยืนยันว่าแพทย์ของรามาฯไม่เคยให้ข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด และยืนยันแนวทางการปฐมพยาบาลตามแนวทางที่ได้กล่าวมา”ศ.นพ.วินัย กล่าว
ศ.นพ.วินัย กล่าวต่อว่า คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาฯ ยังได้ประสานงานติดต่อกับแพทย์ที่วชิระพยาบาล ซึ่งรับผู้ชุมนุมที่โดนแก๊สน้ำตารักษา รวมทั้งได้เก็บตัวอย่างน้ำมาตรวจสอบค่าความเป็นกรด เป็นด่างพบว่า ค่าของน้ำที่ได้คือ Ph 7 คือ มีค่าเป็นกลาง ไม่ใช่กรด แต่ส่วนของสารประกอบที่อยู่ในน้ำสีม่วงจะเป็นอะไรนั้น ไม่ได้มีการตรวจสอบต่อ เพราะทางวิทยาศาสตร์ ไม่มีวิธีใดที่จะสามารถนำตัวอย่างเข้าไปแล้วบอกได้ทันทีว่าคือ โครงสร้างของสารเคมีอะไร อย่างน้อยก็จะต้องรู้กลุ่มสารคร่าวๆก่อนนำไปตรวจสอบหาสารต่อไป
ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีการสุ่มตรวจโครงสร้างของสารเคมีแต่อย่างใด ทั้งนี้ การใช้น้ำสีม่วง เพื่อสลายการชุมนุมนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกในโลก และมีการใช้เพื่อปราบฝูงชนในที่อื่นเช่นกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามตัวผู้ชุมนุมได้ถูก ส่วนอาการที่แสบคัน คาดว่าน่าจะผลจากจากโดนฝุ่นของแก๊สน้ำตามากกว่า โดยแก๊สน้ำตานั้น ไม่ได้มีฤทธิ์สะสมอยู่ในร่างกายในระยะยาวแต่อย่างใด
ศ.นพ.วินัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องของแผลผุพองของผู้ชุมนุมนั้น การโดนแก๊สน้ำตาจะพบอาการระคายเคืองได้หลายระดับ ทั้งแสบร้อน ไปจนถึงการเกิดแผลพุพอง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณความเข้มข้นของแก๊สน้ำตาที่ได้รับ ทั้งนี้ ขั้นตอนการปฐมพยาบาลที่เหมาะสมที่สุดคือ ต้องปัดฝุ่งผงแก๊สน้ำตาออกจากตัว หรือการถอดเสื้อผ้าทิ้ง ไม่ใช่การล้างน้ำทันที แต่ในภาวะที่ฉุกเฉินเข้าใจว่า
การปัดฝุ่นคงทำได้ยาก แต่แม้ว่าจะล้างน้ำทันที ก็ไม่ทำให้แก๊สน้ำตาเป็นกรด เพราะผงแก๊สน้ำตาเป็นสารแขวนลอย ที่ไม่ผสมตัวกับน้ำ ซึ่งเข้าใจว่า การที่ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นน่าจะเกิดจากการที่ผู้ชุมนุมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกหลังจากถูกแก๊สน้ำตาจึงสะสมไว้นานทำให้เกิดอาการระคายเคืองเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับอาการของทางเดินหายใจนั้น ฝุ่นผงทำให้เกิดอาการระคายเคือง แน่นหน้าอกได้ แต่มีน้อยรายมากที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำในปอดได้ ทั้งนี้ หากประชาชนมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสารเคมี สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนพิษวิทยา 1367 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday