เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า หลังจากที่เข้าร่วมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีและเป็นพลังของแผ่นดินเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ร่วมกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บ่ายวันนี้ได้เดินทางไปยังวังไกลกังวล จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อร่วมฝึกซ้อมเตรียมการสำหรับงานพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมที่กำลังจะมาถึงการซ้อมใหญ่เป็นไปด้วยดี เพราะความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ตนทราบว่าการเตรียมการและการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะได้เข้าชมพระบารมีและรวมถึงการจุดเทียนชัยถวายพระพรชัยมงคลมีความพร้อมอย่างเต็มที่ และงานพระราชพิธีเป็นไปอย่างสมพระเกียรติ
ขณะเดียวแม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ
แต่รัฐบาลก็ได้ติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความคลี่คลายไปในทางบวกและรัฐบาลก็ขอให้เจ้าหน้าที่ของรรัฐทั้งทหาร ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อมไม่ให้การเผชิญหน้ากัน เพื่อให้ไม่นำไปสู่ความรุนแรง หรือการเสียเลือดเนื้อกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเราเองก็อยากเห็นการแก้ปัญหาที่จะนำมาสู่ความสงบสุขของพี่น้องประชาชนในระยะยาวแม้ว่า วันนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ตนเชื่อว่าคนไทยของเราจะสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ ตนจึงอยากขอเชิญชวนนักวิชาการนักธุรกิจกลุ่มบุคคลทุกสาขาอาชีพตลอดจนผู้ชุมนุมทางการเมืองมาร่วมใจกันเปิดเวที ระดมความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบเพื่อนำไปปสู่การปฏิรูปการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตนอยากเห็นการหารือที่เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้แสดงออกถึงความคิดเห็นเพื่อระดมความคิดให้ได้คำตอบที่ตกผลึก และดีที่สุดสำหรับประเทศและอนาคตของลูกหลาน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ก็ขอเชิญชวนภาคเอกชนร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและรวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยด้วย เพราะเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความสุข ทั้งนี้อยากเห็นคนไทยหันหน้าเข้าหากัน ร่วมแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความสันติและก้าวไปข้างหน้า ตนเชื่อมั่นว่าในวันเฉลิมพระชนมพรรษาฯ ปีนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนไทยจจะมีความสุขและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นที่รรักของทุกคน
อย่างไรก็ตาม ขอฝากสื่อมวลชนทุกแขนงให้ช่วยกันพิจารณานำเสนอเรื่องราวที่เป็นความสุขสิริมงคลในช่วงนี้
เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ในระยะยาวหวังว่าสื่อของเราจะเป็นสื่อที่สร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างความจงเกลียดจงชังให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเรากันเอง ซึ่งจะส่งผลให้เป็นอันตรายต่ออนาคตลูกหลานและอนาคตบ้านเมือง สำหรับคนทยทุกคนตนเชื่อว่าวันเฉลิมฯ ของทุกปีมีความหมายพิเศษยิ่งและไม่ใช่เป็นวันพิเศษเพียงเพียงแค่วันหนึ่งในเดือนธันวาคมหากแต่วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์สำหรับหัวใจคนไทย เพราะเป็นที่เราจะตั้งใจทำความดีและสามัคคีกันในชาติ รวมถึงจะทำหน้าที่ของแต่ละคนอย่างเต็มกำลังเพื่อให้เกิดความเจริญยั่งยืนตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ที่ได้ปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นมาตลอดชีวิต