จากกรณีบริษัท ไมด้า แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) โดยนายกมล เอี้ยวศิวิกูล รองประธานกรรมการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางสุธาสินี มุตตามะระ หรือเสตะพันธุ ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 3145/2551 ระหว่าง บ.ไมด้าฯ โจทก์ นางสุธาสินี จำเลย ในข้อหากรรมการกระทำความเสียหายแก่บริษัท, ใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต, ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 274,216,730.49 บาท สืบเนื่องจากนางสุธาสินี และบริษัท ไมด้าฯ และนายกมลฯ ได้เข้าร่วมลงทุนในการดำเนินกิจการโรงแรมหลายแห่ง มูลค่าหลายพันล้านบาท และต่อมาเกิดกรณีพิพาทกันอย่างรุนแรง ต่างคนต่างฟ้องร้องคดีต่อกันหลายคดี
และเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่่ผ่านมา ศาลแพ่งมีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 49 โจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาร่วมทุน เพื่อประกอบกิจการโรงแรมสมุยเพนนินซูลา ในนามบริษัท สมุยเพนนินซูลา จำกัด มีทุนจดทะเบียน 580,000,000 บาท ถือหุ้นคนละครึ่ง โดยนายกมล เป็นประธานบริษัท ส่วนจำเลยเป็นประธานกรรมการบริษัท มีอำนาจในการบริหารจัดการบริษัท สมุยเพนนินซูลา จำกัด ลงนามในการเบิกถอนเงิน โดยการเบิกถอนเงินเกินกว่า 5 แสนบาท นายกมลและจำเลยต้องลงนามร่วมกัน และสัญญาร่วมทุนได้ระบุเงื่อนไขว่า ในกรณีหนี้สินใดๆ ของบริษัท สมุยเพนนินซูลา เกิดขึ้นก่อนวันทำสัญญาร่วมทุน จำเลยจะต้องรบผิดชอบทั้งสิ้น
ต่อมาระหว่างวันที่ 28 และ 29 มิ.ย. 50 จำเลยมีเจตนาไม่สุจริต และจงใจทำให้บริษัทฯ และโจทก์ ในฐานะผู้ถือหุ้น ได้รับความเสียหาย โดยจำเลยอนุมัติจ่ายเงินจำนวน 318,242,469 บาท ออกจากบัญชีของบริษัทฯ โดยบันทึกอ้างว่าชำระหนี้ก่อสร้างให้แก่เจ้าหนี้การค้า ซึ่งต่อมาโจทก์ตรวจพบว่า จำเลยมิได้นำเช็คที่สั่งจ่ายไปชำระหนี้ แต่จำเลยกลับนำเช็คไปเรียกเก็บเงิน ไปเป็นผลประโยชน์ของตนเอง เป็นเงินจำนวนถึง 255,961,918 บาท การกระทำของจำเลยถือว่ากระทำผิดหน้าที่ ในฐานะประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ เพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริตและมิชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นบริษัท สมุยเพนนินซูลา จำกัด ได้รับความเสียหาย จึงฟ้องให้จำเลยชดใช้เงินคืนบริษัทฯ รวมต้นเงินและดอกเบี้ยจำนวน 274,216,730.49 บาท
ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 209,826,818 บาท ให้กับบริษัท สมุยเพนนินซูลา จำกัด พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อไป ของเงินต้นจำนวนดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 12 มิ.ย. 51) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่บริษัท สมุยเพนนินซูลา จำกัด กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความ 70,000 บาท