พ่อเอ็กซ์ ยัน ตู้เซฟลูกชายมีพระเครื่องดังมูลค่าหลายสิบล้าน

กรณีคดีลอบสังหารเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย ต่อมาตำรวจพบว่าทางแม่ยาย สุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่ม พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศเป็นผู้บงการสังหาร จึงได้ออกหมายจับ ซึ่งวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา นายมานพ พณิชย์ผาติกรรม พ่อของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ได้ยื่นเรื่องต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อขอเป็นผู้จัดการทรัพย์สินมรดกทั้งหมดของลูกชาย ขณะที่ พญ.นิธิวดี เปิดใจว่าอยากเก็บทรัพย์สินทั้งหมดไว้ให้ลูกของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ โดยก่อนหน้านั้นอดีตนักแม่นปืนทีมชาติได้เข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สน.บางชัน เพื่อให้ดำเนินคดีกับ พญ.นิธิวดี ที่แอบเปิดตู้เซฟธนาคารกสิกรไทย รวมทั้งฟ้องผู้จัดการธนาคารดังกล่าวด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 20 พ.ย. ร.ต.ท.มารุต ปัณดิษฐโต พงส.สน.บางชัน เจ้าของคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า
 
วันที่ 25 พ.ย.นี้ ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกนายมานพมาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายความที่เดินทางมาแจ้งความกับเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ ในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ เพราะยังไม่ได้ประสานไป โดยตำรวจจะแยกสอบนายมาพกับทนายความ หลังจากนั้นเมื่อได้ข้อมูลครบจากทั้งสองคนแล้ว ตำรวจก็จะทำการเรียกหมอนิ่มมาสอบต่อ สำหรับผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยนั้น คงไม่เรียกมาสอบอีกแล้วเพราะสอบปากคำไปหมดแล้ว แต่หากมีข้อมูลหรือประเด็นใหม่ที่ได้จากการสอบปากคำนายมานพ ทนายความและหมอนิ่มก็อาจเรียกมาสอบใหม่ได้

ร.ต.ท.มารุตกล่าวต่ออีกว่า ทางนายมานพแจ้งกับทางตำรวจว่าตนได้ให้พระเครื่องรุ่นดัง 3-4 องค์กับนายจักรกฤษณ์ มูลค่าหลายล้านบาท
 
ซึ่งทรัพย์สินตรงนี้อยู่ในตู้เซฟธนาคารด้วย แต่ทรัพย์สินส่วนอื่นทางนายมานพไม่ทราบ ซึ่งส่วนนี้ก็ต้องสอบปากคำทั้งหมอนิ่มกับนายมานพ เพื่อดูว่าให้การตรงกันหรือไม่ต่อไป ทั้งนี้การที่นายมานพจะเป็นผู้เสียหายแทนเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ในคดีนี้ได้หรือไม่นั้น เบื้องต้นทางศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะต้องมีคำสั่งให้นายมานพเป็นผู้จัดการมรดกก่อน จึงสามารถเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ได้ ซึ่งนายมานพมีสิทธิ์ที่จะเป็นได้ เพราะเป็นพ่อแท้ ๆ ของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ และหากได้เป็นผู้เสียหายแทนก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องทางคดีแพ่งได้ ส่วนทางอาญานั้นทางตำรวจก็จะดูสำนวนที่ได้จากการสอบปากคำเพื่อดูความเป็นไปได้ทางคดีต่อไป