มาตรการ“ยกรถ”ได้ผลชาวบ้านให้ความร่วมมืองดจอด ได้ผิวถนนคืนครึ่งเดือนลากไปเก็บ105 คัน
หลังจากที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประกาศบังคับใช้มาตรการยกรถแทนการล๊อคล้อเริ่มบังคับใช้ในพื้นที่ถนน 10 สายเมื่อวันที่ 21 ต.ค. และเพิ่มอีก 30 เส้นทางในวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางบางจุดที่ทาง บช.น.ประกาศบังคับใช้ คือ ถนนรามอินทรา ถนนประชาชื่น ถนนเเจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนงามวงศ์วาน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ถนนนวมินทร์ ถนนพหลโยธิน ถนนเกษตรนวมินทร์ และถนนรัชดาภิเษก พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือในมาตรการดังกล่าว ไม่พบการจอดรถทิ้งไว้ แต่พบว่ามีเพียงถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าปากซอยรัชดาภิเษก 32 ยาวไปจนถึงอาคารแสดงสินค้ากรมส่งเสริมการส่งออก ที่ยังมีการจอดรถริมถนนจำนวนประมาณ 37 คัน ทำให้การจราจรบริเวณนั้นติดขัด
พ.ต.ท.พิษณุโกสิยวัฒน์ สว.จร.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า
หลังจากเริ่มมาตการยกรถ สน.ได้ทำการกวดขันโดยการล๊อคล้อและเคลื่อนย้ายรถที่กีดขวางในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งหากเป็นในเวลาปกติก็จะทำการตักเตือนให้ทราบว่าเป็นพื้นที่ ห้ามจอด ในวันนี้ที่มีการจอดริมถนนเป็นจำนวนมากเพราะทางกรมส่งเสริมการส่งออกมีการจัดงานเเสดงสินค้า และได้ทำหนังสือขออนุญาตมาที่ สน.พหลโยธิน เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่อนผันการจับกุม
ทั้งนี้จากมาตรการยกรถแทนการล๊อคล้อที่ได้ดำเนินการมาตั้งเเต่วันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมาภาพรวมทั้งบช.น. มีการจับกุมและปรับไปเเล้วทั้งสิ้นจำนวน 105 คัน
ผู้ที่จอดรถกีดขวางการจราจร จะต้องเสียค่าปรับ 500 บาท รวมทั้งค่าเคลื่อนย้ายรถขั้นต่ำ 500 บาท ซึ่งเจ้าของรถ จะเป็นผู้ชำระโดยตรงกับทางบริษัทยกรถเอกชน ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดเป็นไปตาม พรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2552 มาตรา 59 ที่ระบุว่าเจ้าพนักงานมีอำนาจเคลื่อนย้ายรถที่หยุดหรือจอดอยู่อันเป็นการ ฝ่าฝืน และมาตรา 159 ผู้ใดขัดขวางต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท.