ปึ้ง เผย ต่อสายตรงถึง ฮอร์นัมฮงเตรียมใช้การประชุมทวิภาค ถกหาข้อยุติ

เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 11 พ.ย. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ

ให้สัมภาษณ์จากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากศาลโลกตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ว่า หลังผลคำตัดสินออกมา ตนได้โทรศัพท์พูดคุย กับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา แล้ว ซึ่งตนและนายนัมฮง ต่างก็แสดงความพอใจในคำตัดสินของศาลโลก จึงตกลงกันว่าจะนัดกันพูดคุยหารือในกรอบทวิภาคีหรือคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ(เจซี)ไทย-กัมพูชา ในเร็วๆนี้ เพื่อเจรจาหารือประเด็นต่างๆ นอกจากนี้ ตนได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอ

คอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อรายงานคำตัดสินให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรับทราบแล้ว ส่วนผลคำตัดสินจะถูกนำมาเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่

ตนเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ จะได้รับฟังและมีความเข้าใจประเด็นที่ศาลตัดสิน เพราะชัดเจนว่า เราไม่ได้เสียหายอะไร กลับได้ประโยชน์ เนื่องจากมีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม เราต้องพูดคุยกับกัมพูชาเพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้ง 2 ประเทศ และสุดท้าย ตนขอขอบคุณประชาชนและทีมงานทุกคนที่ได้ร่วมต่อสู้คดีนี้ ด้านพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงไม่ถอนกำลังจนกว่าทีมเจรจาจะได้ขอยุติ ซึ่งตนคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการหารือกันว่าจะปรับแผนอย่างไรตามคำสั่งของศาล ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้พบกับผู้นำทางทหารของกัมพูชา และได้แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน เพื่อนัดหมายกำหนดวันประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) ไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันตลอดว่าสถานการณ์ชายแดนเรียบร้อยสองฝ่าย ไม่มีการยั่วยุหรือปะทะกันในพื้นที่ชายแดน

ขณะที่นายวีรชัย พลาดิศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะตัวแทนไทยสู้คดี กล่าวว่า

ส่วนใหญ่คำตัดสินเป็นคุณกับประเทศไทย เนื่องจากไทยไม่ได้เสียแดนดินพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะภูมะเขือที่ศาลโลกพูดชัดเจนว่า ไม่ใช่พื้นที่ใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร ขอให้ประชาชนมั่นใจในเรื่องนี้ ส่วนพื้นที่ที่ต้องพิจารณาให้กัมพูชาเป็นพื้นที่เล็กมาก หรือใกล้เคียงกับพื้นที่ในมติคณะรัฐมนตรี ปีพ.ศ.2505 อย่างไรก็ตาม การกำหนดพื้นที่ดังกล่าว ผู้ที่กำหนดพื้นที่เป็นคู่กรณีเจรจา ที่จะหารือในกรอบเจซีไทย-กัมพูชาต่อไป นอกจากนี้ ตนยืนยันว่าคำตัดสินในครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะศาลไม่มีอำนาจในการวินิจฉัย และถ้าไปดูในอนุสัญญา ค.ศ.1904 และ1907ไม่มีทางกระทบทางทะเลได้เลย ขอให้ทุกคนสบายใจได้

“สุดท้าย ผมอยากฝากไปถึงคนไทยอย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองเป็นคนชนะ หรือเสียใจว่าตัวเองสูญเสียดินแดน สำหรับคำตัดสินในวันนี้ถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว แต่หากมีข้อขัดแย้งสามารถนำคำพิพากษาวันนี้ ขอยื่นตีความได้ภายใน 10 ปี แต่ต้องมีหลักฐานใหม่”นายวีรชัย กล่าว

ด้านนายอแลง เปลเล่ต์ ทนายความชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า คนไทยเสียใจที่สูญเสียปราสาทพระวิหารไปกับคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปีพ.ศ.2505
 
แต่ควรจะปล่อยให้จบไปได้แล้ว โดยตอนนี้ไทยได้กลับไปจุดเดิม คือการมีโอกาสใช้สันปันน้ำที่แท้จริงในการกำหนดเขตแดนตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แทนที่จะต้องมากลัวว่าจะต้องใช้แผนที่ 1:200,000 ในการแสดงเส้นสันปันน้ำว่าอยู่ตรงไหน ทั้งนี้ ทีมทนายความชาวต่างชาติเห็นว่าเป็นคำตัดสินที่ดีและสมดุลรวมถึงค่อนข้างให้ประโยชน์แก่ไทย โดยศาลนำแผนที่ 1: 200,000 มาใช้เพียงเล็กน้อย ไม่ใช่เหตุผลหลัก ซึ่งหากให้ตนประเมินก็พอใจร้อยละ 75 แต่คนไทยไม่ควรตีปีกแสดงชัยชนะ และไม่ควรมานั่งเสียใจ.