พ.ต.ท.ประดิษฐ์ ทะประสิทธิ์จิตต์ พงส.ผนพ.สน.มีนบุรี เจ้าของคดีกล่าวว่า ขณะนี้ทางตำรวจสอบปากคำ หมอนิ่ม พ่อกับแม่ของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนี้คงไม่มีการเรียกให้มาสอบปากคำอีก จากนั้นจะรวบรวมคำให้การทั้งหมดประกอบในสำนวนคดีเพราะได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเกือบจะทุกคนแล้ว คาดว่าสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นและจะรวบรวมผลการสอบปากคำทั้งหมดส่งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบต่อไป
รายงานข่าวแนวทางการสืบสวนเริ่มแคบลงเรื่อยๆและมองเห็นประเด็นความขัดแย้งมากขึ้น
โดยให้น้ำหนักไปในเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวภรรยากับผู้ตายเป็นหลักประกอบกับข้อมูลของทีมสืบสวนสอบสวนนครบาลที่พบปมขัดแย้งรุนแรงหลังสอบปากคำพยานสำคัญทางคดีที่เป็นผู้ใหญ่คนสนิทของผู้ตายและพยานปากอื่นๆ ฝ่ายผู้ตายที่ให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันว่า ผู้ตายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทด่าทอกับคนในครอบครัวของฝ่ายภรรยาถึงขึ้นชี้หน้าด่ากันและขู่อาฆาตมาดร้ายเอาชีวิตโดยทีมสืบสวนให้น้ำหนักปมขัดแย้งรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้นมากกว่าประเด็นขัดแย้งในสมาคมยิงปืนโดยพยานระบุว่า ผู้ตายได้บันทึกเสียงคำพูดคุยของญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงและคนในครอบครัวไว้หลังจากมีการพูดคุยโทรศัพท์กันแต่ปลายสายยังไม่ได้กดวางสายทิ้งไป ทำให้ได้ยินข้อความต่างๆที่กลุ่มคนเหล้านั้นพูดคุยกันและหลังจากนั้นได้เดินทางไปต่อว่าด่าทอพวกเขาถึงที่บ้านในทันทีภายหลังรู้ว่าคนในครอบครัวภรรยาคิดไม่ดีกับตัวเองและหวังที่จะฮุบสมบัติทั้งหมดไว้ โดยทีมสืบสวนพบปมขัดแย้งรุนแรงที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุของการจ้างวานมือปืนสังหารโหดในครั้งนี้แล้วหลังจากพบว่า ผู้ตายเคยมีปากเสียงกับเครือญาติของภรรยาบ่อยครั้ง
พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน กล่าวว่า ฝ่ายสอบสวนนครบาลได้สอบสวนพยานทุกปากที่เกี่ยวข้องทางคดีไปแล้วเกือบ 20 ปาก
ซึ่งวันนี้จะสอบปากคำสารวัตรทหารอากาศจำนวน 4 นายที่มารดาของภรรยาผู้ตายว่าจ้างมาดูแลความปลอดภัยให้บุตรสาวโดยทำหนังสือส่งยังต้นสังกัดแล้วก่อนหน้านี้ทางหน่วยงานทหารก็ยินดีให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำในต้นสังกัดได้ซึ่งต้องสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดก่อน ส่วนประเด็นความขัดแย้งสมาคมยิงปืนนั้นยังไม่ได้ตัดทิ้งเสียทีเดียวยังคงตรวจสอบอยู่แต่ให้น้ำหนักในส่วนนี้มากกว่าขอเวลาให้ตำรวจทำงานและเร่งรวบรวมพยานหลักก่อนโดยจะรายงานความคืบหน้าทางคดีต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.พร้อมประชุมสรุปผลสืบสวนสอบสวนทางคดีวันที่ 29 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบปากคำ"หมอนิ่ม"ภรรยา"เอ็กซ์-จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม" ด้วยความเคร่งเครียดนานกว่า 4 ชั่วโมง
เมื่อคืนวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมาประเด็นความขัดแย้งของคนในครอบครัวและญาติ โดยที่ประชุมได้วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากผู้ตายพ้นโทษคุมขังจากเรือนจำมทบ.11 ในช่วงที่ผ่านมาโดยมีความพยายามที่จะง้อคืนดีกับภรรยาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จเพราะถูกญาติและพี่ชายต่างมารดาของฝ่ายภรรยากีดกันมาโดยตลอดประกอบหยิบยกความเป็นไปได้ในเนื้อหาถ้อยคำจดหมายที่ผู้ตายเขียนพรรณาถึงพิธีกรเล่ารายการข่าวคนหนึ่งขณะต้องโทษในเรือนจำเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและคำบอกเล่าของพยานที่สอดคล้องกันว่า ผู้ตายและญาติฝ่ายหญิงเคยมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันพร้อมต่างฝ่ายต่างข่มขู่อาฆาตมาตร้ายถึงขั้นเอาชีวิตกันทีเดียว
รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมสืบสวนสอบสวนนครบาลเดินมาถูกทางแล้วพร้อมตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจนเหลือน้ำหนักเพียงประเด็นเดียว
ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดประกอบกับมีมูลเหตุที่น่าเชื่อถือรวมถึงหลักฐานที่เป็นเสียงบันทึกในโทรศัพท์มือถือที่ชุดสืบสวนสามารถแกะรอยมาได้ขณะที่ชุดสืบสวนได้สอบสวนพยานสำคัญรายหนึ่งยืนยันว่า ผู้ตายเคยมาระบายเรื่องความขัดแย้งครอบครัวให้ฟังและเหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่า มีคนปองร้ายอยู่หลังจากมีปากเสียงรุนแรงกับพี่ชายต่างมารดาของภรรยาและมารดาพี่ชายต่างมารดาหรือที่คนในครอบครัวเรียกว่า"แม่ใหญ่" ที่ก่อนหน้านี้ผู้ตายพยายามขอความช่วยเหลือมาตลอดในการไกล่เกลี่ยให้ตนเองและภรรยากลับมาดีกันเหมือนเดิม ขณะเดียวกันชุดสืบสวนที่ลงพื้นที่หาข้อมูลในส่วนของกลุ่มมมือปืนได้รายงานหลักฐานเชื่อมโยงอดีตทหารนอกราชการเคยเป็นเอเย่นต์ค้าปืนและเป็นกลุ่มมือปืนภาคตะวันออก หลังจากผลตรวจพิสูจน์กระสุนระบุที่คนร้ายใช้ยิงมาจากปืนขนาด 7.65 มม. มีการฐานการผลิตในรัสเซียมีการดัดแปลงนำเอากระสุนปืนขนาด 9 มม.มาใส่แทน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างดี
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า ตำรวจสืบสวนนครบาลสามารถจับกุมตัวมือปืนที่ก่อเหตุได้แล้วนั้น
จากการตรวจสอบได้รับการยืนยันจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นยังไม่มีการจับกุมมือยิง "เอ็กซ์" แต่อย่างใด ส่วนกลุ่มผู้เกี่ยวข้องในฐานะผู้จ้างวานนั้นเริ่มมีความชัดเจนแล้วคาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นในส่วนของปมสังหารและมูลเหตุที่แท้จริง พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 ยืนยันว่า ยังไม่มีการจับกุมตัวมือปืนใดๆ ตำรวจกำลังทำงานอยู่ซึ่งแต่ละฝ่ายมีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ ส่วนการสอบสวนนั้นมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยเรียกทุกคนที่คาดว่าเกี่ยวข้องมาสอบสวนให้น้ำหนักไปที่เรื่องครอบครัวแต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า ต้องใช่ทั้งหมดจึงต้องรอพยานหลักฐานให้กระจ่างชัดเจนก่อน อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดพบว่า รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นเป็นรถยามาฮ่าฟีโน่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนซึ่งต้องลงลึกในรายละเอียดต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำพยานและบุคคลใกล้ชิดผู้ตายส่วนใหญ่ให้การสอดคล้องกันว่่า
ผู้ตายมักจะเปรยๆเสมอเหมือนเป็นนัยสำคัญว่า จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ขณะเดียวกันพบประโยคที่พูดเล่นกับลูกที่มีกทารบันทึกภาพไว้ว่า ป่ะป๊ารักหนูมากที่สุด หากป่ะป๊าเป็นอะไรไปพระเครื่องทั้งหมดที่มีจะเป็นของหนูคนเดียว และข้อความอื่นๆ ที่เหมือนรู้ในชะตากรรมของตัวเอง อย่างไรก็ตามหลังจากผู้ตายออกจากเรือนจำแล้ว มาารดาฝ่ายภรรยามีความหวั่นเกรงในความไม่ปลอดภัยของบุตรสาวจึงให้พี่ชายต่างมารดาจัดหาทหารคอยคุ้มกันและดูแลความปลอดภัยจำนวน 4 นาย โดยยอมจ่ายค่าจ้างเป็นเงินสูงถึงเดือนละ 150,000 บาททีเดียว หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวได้ยินเสียงด่าทอจากปากผู้ตายขณะไปอาละวาดชี้หน้าด่าทอที่บ้านของมารดาพี่ชายคนละแม่และเครือญาติของฝ่ายหญิงว่า ถ้าตัวเองมีปืนเหมือนเมื่อก่อนพวกมึงจบไปแล้ว”