นายเสมอเผยว่า เมื่อเวลาประมาณตี 5 ของวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ภรรยามีอาการปวดท้องและน้ำเดิน จึงเรียกนางบุญสืบพี่สาวให้มาช่วยและพาภรรยาไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้ชายบอกว่า นางชลธิชากำลังจะคลอดลูกปากมดลูกเปิดไปแล้ว 8 ซ.ม. หากจะเข้าทำคลอด นางชลธิชาต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 18,000 บาท แต่ตนและน้องสะใภ้ มีเงินติดตัวเพียง 300 บาท และบัตรประกันสังคมที่ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูบอกว่าบัตรหมดอายุใช้ไม่ได้และที่ไม่ครอบคลุมเรื่องการคลอดบุตร บอกให้ตนพาไปคลอดที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง ก่อนพาไปขึ้นรถแท็กซี่ทั้งยังกำชับคนขับให้ขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลรัฐบาลให้เร็วที่สุด ขณะนั่งรถนางชลธิชาก็เริ่มหายปวดท้องแล้วบอกให้กลับบ้าน เพราะถึงไปโรงพยาบาลก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี
ด้านนางบุญสืบกล่าวว่า เมื่อส่งนางชลธิชากลับถึงบ้าน ตนขอกลับไปที่บ้านก่อนและเมื่อกลับมาก็พบว่านางชลธิชาได้คลอดลูกเองและเด็กทารกได้เสียชีวิตลง จึงได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและพานางชลธิชาส่งโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียและเสียเลือดมากจากการคลอดบุตร นายเสมอกล่าวอีกว่า อยากให้โรงพยาบาลรับผิดชอบ เพราะเกิดการสูญเสีย หากภรรยาเสียชีวิตไปด้วยอีกคนตนคงเสียใจมากที่สุด
ด้านนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่โฟนอินเข้ามา กล่าวว่า ผมอยากให้โรงพยาบาลรับผิดชอบรักษาคนก่อนที่จะเรียกเงิน เพราะจากที่ทำงานตรงนี้ ผมเห็นมาหลายโรงพยาบาลที่ปฏิเสธการรักษาคนไข้ เนื่องจากไม่มีเงิน แต่ผมไม่ได้เหมารวม เพราะบางโรงพยาบาลที่ดีก็มี ก็จึงอยากจะฝากไว้ให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคน