นายกฯกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการหารือเพิ่มเติมหลังจากที่ได้ลงนามในเอ็มโอยู ของการซื้อขายสินค้าการเกษตร ซึ่งถือเป็นความร่วมมือพิเศษจากเดิมทีที่รัฐบาลจีน ได้ลงนามในสัญญาซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตันภายในระยะเวลา 5 ปี แต่วันนี้จีนเห็นความสัมพันธ์ที่ดีของไทย จึงมีการปรับการซื้อข้าวเป็นปีละ 1 ล้านตัน โดยมีการซื้อขายแบบจีทูจี นอกจากนี้จีนยังซื้อยางพารา 2 แสนตันต่อปี นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่จะมีการหารือต่อไป ทั้งนี้ยังไม่รวมการซื้อขายของภาคเอกชน โดยรายละเอียดทั้งหมดจะมอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เร่งประชุมหารือโดยเร็ว
“เรื่องดังกล่าวจะเร่งให้กระทรวงพาณิชย์ไปคุย โดยการซื้อขายจะเริ่มตั้งแต่ปีนี้ ต้องดูว่าจะเริ่มที่เดือนอะไร และจะไปชนกับปีหน้าก็คือ 1 ปี ถือเป็นโครงการต่อเนื่อง ซึ่งจากเดิมจะเป็นการซื้อแต่ว่าไม่เยอะ แต่ตอนนี้ทางจีนมองเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีว่าจะซื้อปีละ 1 ล้านตัน จากการหารือเบื้องต้นก็จะมีข้าวยางพารา โดยนายละเอียดนั้นรมว.พาณิชย์ ก็จะไปหารือต่อถึงสินค้าการเกษตรอื่นๆด้วย” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุว่าจะเตรียมเปิดเผยตัวเลขขาดทุนของโครงการรับจำนำข้าวที่เบื้องต้นพบว่าขาดทุนแล้วว่า 4 แสนล้านบาท นายกฯ กล่าวว่า การให้ข้อมูลต่างรัฐบาลยินดีรับฟัง แต่คงต้องขอนำข้อมูลดังกล่าวนั้นไปตรวจสอบในข้อเท็จจริง เพราะกรณีของข้าวนั้นมีมีหลายประเด็น ซึ่งต้องขอฟังเรื่องทั้งหมดก่อนจากนั้นก็จะนำไปตรวจสอบ และชี้แจงข้อมูล และถ้ามีอะไรก็จะมีการชี้แจงรายละเอียดให้ทราบ เรื่องดังกล่าวต้องรับฟังทีละปัญหาจึงจะทราบ เพราะหากพูดถึงปัญหาโดยรวมก็อาจจะตอบยาก