เตรียมกู้เครื่องบินนกแอร์ ทิ่มลานดินที่สนามบินอุดรฯ เตรียมลากย้ายเข้าซ่อม ที่บน.23
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เตรียมกู้เครื่องบินนกแอร์ ทิ่มลานดินที่สนามบินอุดรฯ เตรียมลากย้ายเข้าซ่อม ที่บน.23
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ถึงความคืบหน้าการกู้เครื่องบิน
แบบ SAAB 340B 34 ที่นั่ง ของสายการบินนกแอร์ นกแอร์มินิ เที่ยวบิน DD 8610 ที่บินนำผู้โดยสาร 25 คน พร้อมลูกเรือ 3 คน จากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ มายังท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี หลังจากเครื่องนักบินนำเครื่องบินลงรันเวย์เรียบร้อย แต่เกิดอุบัติเหตุเครื่องไถลตกแท็กซี่เวย์ เนื่องจากระบบเกียร์และระบบบังคับเลี้ยวขัดข้อง ทำให้นักบินตัดสินใจพุ่งจอดลานดินข้างแท็กซี่เวย์ จนทำให้ล้อหน้าของเครื่องหักเครื่องทรุดลงหน้าทิ่ม และใบพัดด้านซ้ายหัก ซึ่งผู้โดยสารทั้งหมดและลูกเรือทั้งหมดปลอดภัย
โดยในช่วงเช้า ที่ห้องประชุม อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี หลังเก่า ซึ่งเปิดเป็น “ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC)” ซึ่งมีการประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมลากเครื่องนกแอร์ออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อนำไปทำการซ่อม โดยมี นางอัมพวัน วรรณโก ผอ.ท่าอากาศยานอุดรธานี , ผอ.ศูนย์วิทยุการบินอุดรธานี , ตัวแทนจากกรมการบินพลเรือน , ตัวแทนจากสายการบินนกแอร์ , วิศวกรของ บ.SAAB ที่ผลิตเครื่องบิน , นายทหารระดับสูงจากกองบินที่ 23 กองทัพอากาศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง ใช้เวลาประชุมประมาณ 45 นาที
จากนั้นเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องจากทุกฝ่าย ได้นั่งรถเข้าไปยังจุดที่เครื่องบินนกแอร์จอดอยู่ โดยทางท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ได้ส่งรถดับเพลิง 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าไปเตรียมความพร้อมสำหรับการเคลื่อนย้ายตัวเครื่องบิน ในขณะที่การยกตัวเครื่องบินขึ้น ได้นำรถเครนขนาดใหญ่ 3 คัน ของ บริษัทเอกชนใน จ.อุดรธานี เข้าไปทำการยกตัวเครื่อง โดยใช้สายสแตป (STAP) ที่เป็นลวดสลิงร้อยรอบตัวเครื่องส่วนหน้าและยกตัวเครื่องบินขึ้นหันไปทางทิศตะวันออก และลากถอยขึ้นมาบนแท็กซี่เวย์ เพื่อสำรวจความเสียหายอีกครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่นำรถเครน ยกลากตัวเครื่องไปยังโรงซ่อมเครื่องบิน ภายในกองบิน 23 โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง
ในขณะเดียวกันเวลา 14.00 น. ส่วนของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน นางอัมพวันฯ ผอ.ท่าอากาศยานอุดรธานี ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งไม่มีผู้ใดให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่คาดว่า เป็นการประชุมเพื่อสรุปถึงการสอบสวนเหตุการณ์การเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เพื่อส่งไปยังกรมการบินพลเรือน เพื่อที่จะหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้