สุดรันทดสาววัย19ตาบอดสองข้างวอนผู้ใจบุญช่วย

"ชีวิตอนาถ โรครุมเร้า ไม่มีเงินรักษา"


สารพัดโรครุม ทั้งเนื้องอกในสมอง น้ำหนักตัวพุ่ง 104 ก.ก. แถมมีโรคเบาจืด ฉี่วันละร่วม 10 ลิตร ทุกวันต้องขังตัวอยู่แต่ในบ้าน แม่ผู้เลี้ยงดูเป็นลูกจ้างรับซื้อของเก่า ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง แพทย์นัดรักษาหลายครั้ง แต่แบกรับค่าเดินทางเข้ากรุงเทพฯไม่ไหว

ผู้สื่อข่าวคมชัดลึก

ได้รับแจ้งจากนายภาคภูมิ คงรอด อายุ 20 ปี นักศึกษาคณะนุษุยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลกว่า มีหญิงสาวที่ต.หนองแขม อ. พรหมพิราม จ.พิษณุโลกกำลังเผชิญกับโรคร้าย เนื้องอกในสมอง

ซึ่งส่งผลให้ร่างกายผิดปกติ

น้ำหนัก เพิ่มเท่าตัว ตาทั้งสองข้างบอดสนิท ที่ผ่านมาต้องเดินทางเข้ารักษาตัวที่โรงพาบาลราชวิถีที่กรุงเทพฯบ่อยครั้ง แต่ขัดสนเรื่องค่าเดินทาง เพราะบ้านฐานะยากจน ส่งผลให้ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่องมานาน

จากการตรวจสอบตามสถานที่รับแจ้ง

พบหญิงสาวผู้มีชีวิตรันทดรายนี้ชื่อว่านางสาวสุนันท์ เกตุแก้ว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 5 บ้านหาดใหญ่ ต.หนองแขม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก อาศัยอยู่ในบ้านพักชั้นเดียวกับนางอำพร เกตุแก้ว มารดา อายุ 58 ปี

ในทุกวันนางอำพร

ต้องออกไปรับจ้างร้านซื้อขายของเก่า ต้องปล่อยให้นางสาวสุนันท์ เก็บตัวอยู่ในบ้านเพียงลำพังคนเดียว เพราะไม่มีผู้คอยดูแล โดยก่อนไปทำงานผู้เป็นนางอำพร ผู้เป็นแม่จะทำกับข้าวไว้ให้บุตรสาวและวางไว้ภายในบ้าน ซึ่งเมื่อถึงเวลานางสาวสุนันท์ ก็จะหาข้าวกินตามลำพัง หลังจากนั้นจะผักผ่อนอยู่ภายในมุ้งในบ้าน

นางอำพร เกตุแก้ว ผู้เป็นมารดา

เปิดเผยชีวิตรันทดว่า มีอาชีพรับจ้างแยกขยะที่ร้านวรรณาพาณิชย์ในตัวอ.พรหมพิราม มีรายได้วันละ 120 บาท ตนมีลูกทั้งหมด 8 คน ต่างแยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว นางสาวสุนันท์ เป็นลูกคนที่ 7

เริ่มมีอาการป่วยเมื่ออายุ

ได้ประมาณ 16 ปี โดยหมอที่รพ.พรหมพิราม และรพ.พุทธชินราช ระบุว่า เป็นเนื้องอกในสมองทับเส้นประสาทตา ที่ผ่านมาได้ทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลราชวิถี แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้ ขณะนี้บุตรสาวตนตาบอดสนิททั้งสองข้าง

นางอำพร เผยอีกว่า

ที่ผ่านมาหมอนัดให้ไปฉายรังสีตลอด ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2550 แต่ด้วยครอบครัวตนฐานะยากจนมาก รายได้ที่เป็นค่าจ้างแต่ละวันก็จะพอเพียงแค่ใช้จ่ายในครอบครัวเท่านั้น

ไม่มีเงินเป็นค่าเดินทาง

เพราะไปพบหมอแต่ละครั้งจะต้องใช้เงินประมาณ 3,000-4,000 บาท จึงขาดการพบหมออย่างต่อเนื่องทำให้อาการของบุตรสาวตนไม่ดีขึ้น และรู้สึกสงสารลูกสาวมาก

นอกจากตาบอดมองไม่เห็นแล้ว

ลูกสาวตนยังมีอาการข้างเคียง คือน้ำตัวเพิ่มถึง 104 กก. จากเดิมที่เคยมีน้ำหนักตัวเพียง 60 กิโลกรัม และยังมีอาการปัสสาวะบ่อยมาก ครั้งละมากๆ วันละประมาณ 10 ลิตร


หมอบอกว่าเป็นโรคเบาจืด

ตนต้องเตรียมกระโถมไว้หลายใบวางไว้ข้าง ๆ ให้ลูกสาวได้ฉี่ใส่กระโถน เพราะว่าจะเข้าห้องน้ำก็ลำบากทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำต้องคลานเข้าไป

นางสาวสุนันท์ เกตุแก้ว หญิงสาวผู้อาภัพรายนี้

เปิดเผยว่า เรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 จากโรงเรียนบ้านหาดใหญ่ จากนั้นมาช่วยแม่เป็นลูกจ้างคัดแยกขยะที่ร้านขายของเก่าได้3-4 ปี อาการเริ่มต้นเป็นโรคหอบ และคันตามาก ต้องขยิบตาตลอด

ไปหาหมอที่โรงพยาบาลพรหมพิราม

ถูกส่งต่อไปรักษาที่ โรงพยาบาลพุทธชินราช หมอบอกว่าเป็นเนื้องอกในสมองทับเส้นประสาทตา จากนั้นในปี 2548 ได้ส่งตัวไปผ่าตัดสมองที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ

ขณะนี้ตาขวา บอดสนิท

ตาข้างซ้ายมองเห็นได้เพียงเงาดำ ๆ ในระยะใกล้ ๆ เท่านั้น และยังมีอาการอาเจียนและปวดศรีษะทุกวัน และปวดตามาก หมอนัดให้ไปฉายรังสีทุก ๆ 30 วันแม่ก็ไม่สามารถพาไปได้

เพราะมีเงินไม่เพียงพอ

และต้องทำงานแยกขยะทุกวัน ทุกวันตนจะอยู่ ลำพังเพียงคนเดียว จะออกไปข้างนอกได้ก็ต่อเมื่อแม่กลับมาบ้านแล้วเท่านั้น หรือมีหลานมาเล่นเป็น เพื่อนที่บ้าน

นายภาคภูมิ คงรอด อายุ 20 ปี

นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ. พิษณุโลก เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า เห็น น.ส.สุนันท์มาตั้งแต่เด็ก เพราะบ้านอยู่ตรงข้ามโรงเรียนบ้านหาดใหญ่ รู้สึกสงสารได้เข้ามาซักถาม

และทราบว่าขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง

เพราะไม่มีเงินเพียงพอสำหรับค่าเดินทาง จึงได้ประสานทางสื่อมวลชนในพื้นที่ หากมีผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือ สามารถติดต่อที่ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-6247832

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์