น.พ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม แถลงความคืบหน้าจากกรณีที่มีปัญหาการบรรจุยาผิดซอง ว่า ล่าสุด ได้มีการเรียกคืนยามาทั้งหมดแล้ว พบว่ามียาปะปน 2,565 เม็ด จากการผลิตทั้งหมด 660,000 เม็ด โดยภายหลังจากที่มีการรายงานผลต่อคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ก็ได้มีมติสั่งปิดระบบการผลิตยาทั้งหมด 240 รายการ เพื่อปรับปรุงและทบทวนกระบวนการผลิตยา ตั้งแต่วันที่ 25 - 30 กันยายน นี้ รวม 6 วัน และเปิดการผลิตอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม นี้
ทั้งนี้ ยอมรับว่า 6 วัน ที่หยุดการผลิต จะทำให้ องค์การเภสัชกรรม เสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีผลกระทบต่อประชาชน และมียาเพียงพอต่อความต้องการของโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม องค์การเภสัชกรรม ยืนยันได้ปฏิบัติตามาตรฐาน GMP อย่างเคร่งครัด ซึ่งการหยุดการผลิตในครั้งนี้ เพื่อเป็นการปรับปรุงระบบมาตรฐานทั้งหมดและสร้างความน่าเชื่อถือต่อผลิตภัณฑ์ขององค์การเภสัชกรรม
ขณะที่ มาตรการป้องกันหลังเกิดปัญหาการบรรจุยาผิดซอง ว่า องค์การเภสัชกรรม ได้วาง 4 มาตรการ
ประกอบด้วย 1.สำรวจหาจุดบกพร่องอาคารสถานที่ที่ผลิตยาทุกชนิด เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จัดขั้นตอนการทำงานให้เป็นระบบ รวมถึง มีการแยกพื้นที่กระบวนการผลิตให้ชัดเจน 2.ปรับปรุงวิธีการปฏิบัติและเอกสารให้ชัดเจนเพื่อให้พนักงานปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะตรวจสอบทุกขั้นตอน รวมถึงจัดหาอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานที่ให้เกิดความมั่นใจ อาทิ ถังบรรจุยาที่มีฝาปิดล็อค ถังขยะที่ไม่สามารถนำเม็ดยาทิ้งกลับออกมาได้ ติดตั้งกล้องวงจรปิดในส่วนไลน์การผลิต 3.จัดอบรมบุคลากรกลุ่มเป้าหมาย ทั้งหมด 1,200 คน ให้มีความรู้ในกระบวนการผลิต ส่วนบุคลากร 13 คน ที่อยู่ในแผนกยาเม็ด 3 ที่เกิดปัญหา ทาง องค์การเภสัชกรรม ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และย้ายไปปฏิบัติงานในแผนกอื่นแล้ว และ 4.จะลดการผลิตยาเม็ดในแผนกผลิตยาเม็ด 3 จากเดิมผลิต 14 ราย ลดเหลือเพียง 1 รายการ คือ ยา Amlodipine หรือยาความดัน เนื่องจากมีปริมาณการผลิตสูงที่สุด