เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ตามที่มีการคาดการณ์ว่าในวันที่ 19-20 กันยายน
กทม.จะมีฝนตกหนัก 100%ของพื้นที่ตลอดทั้งวัน และได้รับรายงานจากกรมอุตุนิมวิทยาว่าในวันที่ 18-20 กันยายน จะมีพายุดีเปรสชั่นที่ประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ในระยะเวลาดังกล่าวเกิดฝนตกที่ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง กทม.และปริมณฑล ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เข้าสู่ฤดูฝน ทั้งการขุดลอกคูคลองและท่อระบายน้ำ การเก็บขยะ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่จุดอ่อน หน่วยเบสท์ และการรายงานข้อมูลสถานการณ์ฝนตกแก่ประชาชนจากศูนย์ป้องกันน้ำท่วม ทั้งนี้หากเกิดฝนตกในชั่วโมงเร่งด่วน แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงเวลาการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดหนัก หรือมีข้อร้องเรียนและขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วนกทม.ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หมายเลข 1555 หรือสำนักการระบายน้ำ กทม. 0-2248-5115
นายสัญญา กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการขุดลอกคูคลองได้ดำเนินการไปแล้ว 98% ส่วนการลอกท่อระบายน้ำทำแล้ว 96% โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดท่อระบายน้ำที่กรมการขนส่งทางบก ภายหลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขังสูง
"พื้นที่กทม.เป็นแอ่งกระทะ เมื่อเกิดฝนตกน้ำจึงไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ ทำให้พื้นที่จุดอ่อนที่อยู่ต่ำมากประสบปัญหาน้ำท่วมขัง จึงใช้วิธีแก้ปัญหาโดยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งเอาน้ำออก อย่างไรก็ตามต้องยอมรับกับสภาพแวดล้อมของกทม. และระบบระบายน้ำที่รองรับปริมาณน้ำฝนได้ไม่เกิน 60 มิลลิเมตร (มม.) จากการพัฒนาระบบระบายน้ำ ทำให้การระบายน้ำท่วมขังเร็วขึ้นกว่าเดิม คือเมื่อเกิดฝนตกเกิน 60 มม.จะใช้เวลาระบายประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากเดิมที่ต้องเวลา 5-6 ชั่วโมง และในอนาคตผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้มีนโยบายพัฒนาระบบให้สามารถรับน้ำฝนได้ 80-100 มม." นายสัญญา กล่าว
และว่า ขณะนี้น้ำเหนือและน้ำฝน ยังไม่น่าเป็นห่วง
โดยน้ำเหนือวัดจากปริมาณแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านกทม. อยู่ที่ 1,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อวินาที ส่วนน้ำฝนก็ได้เตรียมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ประจำจุดอ่อนที่คาดว่าฝนจะตกหนัก เพื่อเร่งระบายน้ำท่วมขังให้แห้งไม่เกิน 3 ชั่วโมง ส่วนอุโมงค์ก็ยังใช้การได้ตามปกติ แต่ยอมรับว่าระบบคลองไม่สมบูรณ์ เพราะคลองสายหลักยังติดปัญหาการรุกล้ำพื้นที่จากประชาชน นอกจากนี้ยังพบปัญหาขยะที่มาตามน้ำในคลองต่างๆ อาทิ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร คลองแสบแสบ คลองประเวศ ประมาณเดือนละ 3,000 ลบ.ม. ซึ่งในเดือนที่มีฝนตกหนักพบขยะมากถึง 10,000 ลบ.ม.
"กทม.ยังคงใช้เทคนิคการนำกระสอบทรายใส่ลงในท่อระบายน้ำ เพื่อปิดล้อมพื้นที่บล็อกน้ำแล้วสูบน้ำออกคลองในพื้นที่ต่ำมาก อาทิ ถนนรามคำแหง เพราะเทคนิคนี้ยังมีความจำเป็น และบางจุดได้ติดตั้งประตูอัตโนมัติ (Flap Gate) ในท่อระบายน้ำแล้ว และจะพัฒนาติดตั้งในจุดอื่นๆ ต่อไป" นายสัญญา กล่าว