นายกฯยันรัฐบาลพร้อมรับมือพายุเข้าไทยแล้ว เชื่อน้ำขังในกทม.ไม่นาน

                 วันนี้ ( 4 ต.ค.) เวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมเรื่องการระบายน้ำ เพื่อรับมือกรณีที่พายุเกมี่จะพัดเข้าประเทศไทยในวันที่ 5-8 ต.ค.นี้ รวมถึงกรณีที่อาจจะมีพายุชื่อ“พระพิรุณ”ก่อตัวในทะเลจีนใต้ ว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้แล้ว ส่วนการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น มีการดำเนินการอยู่แล้วไล่ลงมาตั้งแต่ต้นน้ำ รวมถึงมีการทยอยพร่องน้ำในเขื่อนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พื้นที่กรุงเทพฯเป็นพื้นที่ปลายน้ำ การขุดลอกคูคลองจึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งให้ทีมงานลงพื้นที่สำรวจ ตลอดจนติดตั้งเครื่องสูบน้ำและอุปกรณ์วัดระดับน้ำหรือติดตามสถานการณ์น้ำในจุดที่สำคัญของกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันมีการตั้งศูนย์กำกับและควบคุมการจราจร เพราะสาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำท่วมขังคือเรื่องของจราจรติดขัด หรือปัญหารถเสียกลางทาง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้าซึ่งทำงานร่วมกับศูนย์ของกรุงเทพมหานคร(กทม.)อยู่แล้ว มีการทำงานอยู่ตลอด เมื่อถามว่านักวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินว่าฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ได้แก่ คลองสองวา คลองสามวา คลองประเวศ เขตมีนบุรี ลาดพร้าว และพระโขนง อาจเกิดน้ำท่วมขังประมาณ 30 เซนติเมตร อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประเมินของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย(กบอ.) เห็นว่าจะมีน้ำท่วมขัง เพราะจะมีปริมาณน้ำฝนลงมาก ส่วนจะท่วมขังนานหรือไม่นั้นก็คงดูเป็นรายจุด แต่ในภาพรวม เราไม่คิดว่าจะท่วมขังนานเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม เราต้องเร่งระบายน้ำ

              ต่อข้อถามว่ารัฐบาลพร้อมทำงานร่วมมือกับกทม. โดยไม่มีการเกี่ยงงานแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่มีการเกี่ยงงาน ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำงานด้วยกัน ทั้งนี้ตนอยากขอให้เราเห็นแก่การแก้ปัญหาของประชาชน มาร่วมกันทำงาน ซึ่งรัฐบาลยินดีที่ช่วยเหลือเพิ่มเติมและเข้ามาทำงานในหลายๆส่วนร่วมกับกทม. แม้งานนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของกทม. โดยเรามองว่าเป็นงานที่ปลายทางเป็นการที่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหา

             เมื่อถามว่ากรณีที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับกทม.หรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายถือว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนคงแยกบทบาทได้ ซึ่งบทบาทของการแข่งขันในการเลือกตั้งก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ส่วนบทบาทความรับผิดชอบในการทำหน้าที่ดูแลประชาชน เราก็ต้องทำ ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใดก็คงต้องทำ