ผู้ว่าฯ ปล่อยกองทัพอากาศ เจรจาชาวบ้านรื้อ “บิ๊กแบ็ก” บนถนนพหลโยธิน “อานนท์”เชื่อ 7 วันวิภาวดีน้ำลด
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 พ.ย. ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำที่เขตดอนเมืองและติดตามการแก้ปัญหาขยะในพื้นที่เขตดอนเมืองและหลักสี่ื ซึ่งกำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เบื้องต้นกทม. ได้จัดเก็บไปแล้วพอสมควร แต่ในบางจุดที่เข้าถึงยากยังคงมีขยะตกค้าง โดยเฉพาะบริเวณทางรถไฟ เพราะติดกับแนวคันกั้นน้ำคอนกรีต หรือแบริเออร์ ส่วนระดับน้ำบนถนนโลคอลโร้ดช่วงหลักสี่และดอนเมืองลดลงประมาณ 20-30 ซ.ม. จากเดิมที่น้ำระดับใกล้เคียงรางรถไฟ ล่าสุดขณะนี้ รางรถไฟสามารถใช้การได้ตามปกติแล้ว
จากนั้นเวลา 15.10 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้เดินทางเข้ามายังถนนสรงประภา ระดับน้ำลดลงประมาณ 30 ซ.ม. เหลือประมาณ 60 ซ.ม.
และยังมีขยะตกค้างรอการจัดเก็บอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็เริ่มประชาชนบางส่วนทยอยเดินทางกลับมาดูสภาพบ้านเรือนของตนเอง ภาพหลังที่ต้องทิ้งบ้านไว้นาน ส่งผลทำให้บรรยากาศบริเวณปากทางเข้าถนนสรงประภาติดถนนวิภาวดีฯ เป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งผู้ที่เดินทางสัญจรเข้าออกด้วยรถรับส่งของทหารและการใช้เรือรับจ้างเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ว่า กรณีข่าวชาวบ้านกว่า 200 คนรื้อแนวคันบิ๊กแบ๊กบริเวณถนนพหลโยธินแยกกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (คปอ.)
ล่าสุดได้รับรายงายว่ามีประชาชนมารื้อแนวบิ๊กแบ๊กจริง เป็นแนวยาวประมาณ 4 เมตร เฉพาะชั้นบนของแนว อย่างไรก็ตามพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกองทัพอากาศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับชาวบ้าน ส่วนผลการเจรจาต้องรอข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้กทม.หวังว่าจะได้ข้อสรุปที่ดีเช่นเดียวกับปัญหาที่ถนนวิภาวดี ทั้งนี้จากการประชุมหารือระหว่างศปภ.และกทม. เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการข้อตกลงร่วมกันว่าให้มีการเปิดทางน้ำบางส่วนให้เป็นฝายน้ำล้น ซึ่งระบุเพียงถนนวิภาวดีเพียงจุดเดียว และหากมีการเปิดเพิ่มเติมอย่างไรต้องรอผลการเจรจาของกองทัพอากาศที่จะรายงานมาถึงศปภ. และแจ้งให้กทม. ทราบตนคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดคือให้ทุกฝ่ายใช้เหตุผล เพราะเหตุผลคือวิธีป้องกันคันกันน้ำได้ดีที่สุด
ด้านนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ให้สัมภาษณ์ว่า
แนวโน้มสถานการณ์น้ำท่วมขัง กทม.ในขณะนี้ดีระดับน้ำลดลงเรื่อย ๆ คาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์น้ำบริเวณถนนวิภาวดีรังสิตน่าจะแห้งไปจนถึงดอนเมือง และทำให้ถนนกลับมาใช้ได้รถใหญ่วิ่งได้ ส่วนถนนสายหลักอื่น ๆ น้ำก็เริ่มลดระดับลงเช่นกัน โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมขังเหนือคันบิ๊กแบ็ก เช่น คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ลดลงเร็วกว่า กทม.ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามต่อจากนี้ ศปภ.จะประชุมเพื่อวางแผนสูบน้ำให้เป็นระบบเดียวกัน เนื่องจากที่ผ่านมาต่างคนต่างทำ สำหรับพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกทม. บริเวณถนนพระราม 2 จะเห็นว่าในซอยพระราม 2 ซอย 69 ที่มีน้ำท่วมสูงเพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ระบายน้ำตามธรรมชาติอยู่แล้ว และยังเป็นพื้นที่ต่ำ จึงต้องอยู่กับน้ำซักระยะ คาดว่าคงไม่เกินช่วงปีใหม่ แต่ขณะนี้ได้เร่งระบายน้ำอกทะเลอยู่ตลอดเวลา ส่วนข้อกังวลว่าน้ำจะท่วมถนนพระราม 2 นั้น จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า จุกดที่น่าเป็นห่วงมี 2 จุดคือ ซอย 69 และช่วงรอยต่อมหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งหากน้ำจะท่วมคงมีปริมาณไม่สูงจะกินพื้นที่เฉพาะเลนซ้ายสุดของถนน ซึ่งรถเล็กยังวิ่งผ่านช่องทางขวาสุดได้อยู่
เมื่อถามว่าปริมาณน้ำที่ท่วมขังอยู่ในขณะนี้เหลือประมาณเท่าใด นายอานนท์ กล่าวว่า ประมาณกว่า 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แต่น้ำส่วนนี้จะไม่มายุ่งเกี่ยวกับ กทม. สำหรับน้ำที่เอ่อล้นท่วม กทม.ประมาณกว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตรถือเป็นน้ำเฮือกสุดท้ายที่อยู่รอบ ๆ กทม. เป็นน้ำที่สามารถบริหารจัดการได้ แต่อาจจะจัดการยากเนื่องจากน้ำกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ไม่เหมือนกับน้ำที่เป็นมวลก้อนเดียวรวมกันสามารถสูบออกได้ทันที.