จี้”ยิ่งลักษณ์”แสดงความรับผิดชอบทำน้ำท่วมใหญ่ เตือนปีหน้าเสี่ยงน้ำท่วมใหญ่อีก แนะย้ายเมืองหลวงดีที่สุด
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายสมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และในฐานะคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์ทรัพยากรน้ำของประเทศ เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์ทรัพยากรน้ำ จะเชิญประชุมคณะกรรมการฯภายในสัปดาห์นี้ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์น้ำของประเทศให้ชัดเจนว่าประเทศไทยจะเดินต่อไปอย่างไรในสภาวะของสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาอุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ก่อนอื่นรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเปิดเผยความผิดพลาดทั้งหมดในการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะความบกพร่องอย่างร้ายแรงในการประสานข้อมูลน้ำของรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เป็นคณะบริหารประเทศ รวมทั้งข้อมูลที่คลาดเคลื่อนของแต่ละหน่วยงานออกมาให้สาธารณะชนรับทราบ เพื่อเป็นการยืนยันต่อประชาชนว่ารัฐบาลจะไม่บริหารผิดพลาดอีกในอนาคต เพราะครั้งนี้เสียหายอย่างมหาศาล หากเตือนภัยล่างหน้าแม้จะห้ามภัยพิบัติไม่ได้ แต่ความเสียหายก็จะน้อยลงมาก
ทั้งนี้สิ่งสำคัญคณะกรรมการชุดนี้ เมื่อประชุมเสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี
ซึ่งนั่งประธานการประชุมจะต้องแถลงยุทธศาสตร์น้ำของประเทศเพียงคนเดียวเท่านั้นโดยจะต้องสรุปออกมาให้ชัดเจนในครั้งแรกของการประชุมว่าจะทำโครงการใดบ้าง จะใช้เวลาสร้างเท่าใด การบริหารจัดการเป็นอย่างไรก่อนเกิดภัย เกิดภัยแล้ว และหลังเกิดภัย อย่าให้เป็นเหมือนการทำงานของศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ในขณะนี้ที่ประชาชนไม่เชื่อถือแล้วไม่ว่าจะพูดอย่างไร บางคนออกมาแถลงว่าไม่ท่วม แต่ความเป็นจริงน้ำท่วมหนัก หากไม่มีความชัดเจนตนจะไปประชุมเพียงครั้งเดียวเพราะเสียเวลาตน ที่เข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย
นายสมิทธ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลจากนานาชาติ ยืนยันตรงกันว่าไทยมีโอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกในปีหน้าถ้าขาดข้อมูลกลางที่แท้จริงจะเกิดความเสียหายอีกมาก
รวมทั้งจะเกิดแผ่นดินไหว อาการแปรปรวน หนาวมาก ร้อนมาก โดยเฉพาะฝนจะตกมากขึ้นเป็นข้อมูลจากองค์การสภาพภูมิอากาศโลกของสหประชาชาติ และน้ำทะเลหนุนเพิ่มสูงขึ้นอีก 1.50 เมตร หากกรุงเทพฯและปริมณฑล ไม่เจอน้ำท่วมก็ต้องท่วมขังอย่างถาวร จากน้ำทะเลหนุนสูงภายใน 9-10 ปีนี้ จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ จะหายไปเลย ดังนั้นการป้องกันน้ำเหนือและน้ำทะเลหนุนต้องเป็นวาระแห่งชาติที่นายกรัฐมนตรี ต้องตัดสินใจทำทันทีว่าจะทำเขื่อนปิดปากอ่าวไทย กั้นตั้งแต่ พัทยาถึงชะอำ หากทำจะกั้นน้ำไม่ท่วมกรุงเทพฯได้อีก 40 ปี เพราะถ้าน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมด น้ำทะเลจะท่วมไทยจนถึงสระบุรี นครสวรรค์ จะกลายเป็นชายหาด หรือทำประตูปิดเปิดปากแม่น้ำ หรือจะทำเป็นฟลัดเวย์ ขุดคลองแห่งใหม่เพื่อระบายน้ำจากเขื่อนหรือจากตัดตอนไม่ให้เข้ากรุงเทพฯและแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อลงทะเลโดยตรง เพราะทั้งคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ รอฟังอยู่ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าไม่ตัดสินใจเด็ดขาดต่างชาติก็หนีกันหมด
อย่างไรก็ตามการย้ายเมืองหลวงแห่งใหม่ เป็นมาตรการที่ดีที่สุดซึ่งตนและนายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ได้เสนอมานานแล้ว จนประเทศพม่าได้ย้ายเมืองหลวงจากย่างกุ้งไปเมืองใหม่ 7-8 ปีแล้วแต่ของไทยยังไม่เริ่มคิดกันเลยเพราะคนไทยมัวแต่ทะเลาะกันอยู่.