20ชุมชนเฝ้าระวังห้ามจนท.ซ่อมบิ๊กแบ๊ก

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการรื้อบิ๊กแบ๊กที่หลายฝ่ายเฝ้าระวังจะกระทบถึงกทม. ชั้นใน พบว่าถ.วิภาวดี น้ำยังแห้ง
 
แสดงว่าน้ำที่ไหลผ่านบิ๊กแบ๊กยังไม่กระทบถึงชั้นใน ขณะที่จุดที่บิ๊กแบ๊กถูกรื้อกว้าง 10 เมตร ยังคงสภาพอยู่เช่นเดม น้ำที่อยู่หน้าแนวบิ๊กแบ๊กลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ชาวบ้านเมื่อทราบข่าวรัฐบาลสั่งให้กทม. เข้าปิดช่องน้ำไหลที่ชาวบ้านเปิดไว้ ชาวบ้านกว่า 20 ชุมชน ที่อยู่หน้าแนวบิ๊กแบ๊ก ดอนเมือง จึงรวมตัวกันเฝ้าระวังไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าปิดช่องทางน้ำ พร้อมรอการเจรจากับนายการุณ โหสกุล ส.ส.เพื่อไทย

 ระดับน้ำในเขตกรุงเทพหลายพื้นที่ลดลง โดยที่ถ.วิภาวดี พหลโยธิน รัชดาฯ น้ำลดลง แต่บริเวณแยกเกษตรน้ำยังสูง รถเล็กยังผ่านไม่ได้
 
เช่นเดียวกับแยกหลักสี่ผ่านศูนย์ราชการ แต่ถนนแจ้งวัฒนะน้ำแห้ง แต่การจราจรติดขัดตั้งแต่เช้าเนื่องจากหน่วยราชการหลายแห่งเปิดทำการ แต่การเดินทางของประชาชนจากที่พักยังไม่สะดวก ต้องอาศัยรถทหาร หรือรถรับส่งของเอกชนทำให้ช่วงเช้าวุ่นวายพอสมควร

 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการเข้าไปซ่อมบิ๊กแบ๊กที่ถูกรื้อ ว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเข้าไปซ่อมเมื่อใด โดยได้แจ้งศปภ. เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมาว่าไม่สามารถเข้าไปได้ โดยได้ลงคำสั่งขอประสานตำรวจนครบาลเข้ามาดูแลแล้ว

 ส่วนการที่ศปภ.ติดต่อมากลางดึกนั้น ไม่ขอตอบว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่

แต่คิดว่าศปภ.ดูเวลาผิด ส่วนตัวเห็นว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มีส.ส.ในพื้นที่ต้องเข้าไปเจรจากับมวลชนด้วย ยืนยันว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย. ทางกทม.ไม่ได้รับการหารือใดๆ บิ๊กแบ๊กเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการชะลอน้ำ หากน้ำคลองรังสิตลดลง กทม. ก็จะสามารถสูบน้ำออก ทำให้พื้นที่กทม.แห้ง

 “ขอยืนยันว่าปัญหาการเมืองไม่ได้ทำให้ผมร้องไห้ แต่เป็นเพราะความเดือดร้อนของประชาชนต่างหาก ที่ทำให้ผมสลดใจมากกว่า” ผู้ว่าฯกทม. กล่าว