สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า กรุงเทพมหานครอาจเผชิญความเสี่ยงภัยต่อการเกิดอุทกภัยมากกว่าเดิมสี่เท่าตัวในอนาคต เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกที่ทำให้น้ำทะเลสูงขึ้น และเกิดการทรุดตัวของกทม. ทั้งนี้ หากยังไม่มีการวางแผนที่ป้องกันที่ดีพอ อาจทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของกทม.อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลภายใน 50 ปี
ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้สัมภาษณ์ เคลลี เลวิน นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยทรัพยากรโลก ระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ในอนาคต เพื่อการรับมือภัยพิบัติโดยลดการสูญเสียให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การใช้เครื่องมือการพยากรณ์อากาศที่ถูกต้องและแม่นยำ การมีแผนที่และแนวป้องกันน้ำท่วมที่มีประสิทธิภาพ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า รวมถึงระบบประมวลข้อมูลการตัดสินใจการปล่อยน้ำจากเขื่อน ก็ต้องพัฒนาให้ละเอียดและแม่นยำกว่าเดิมด้วย
เครก สเต็ฟเฟนสัน ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า แม้ความเชื่อมโยงระหว่างการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกกับเหตุอุทกภัยในประเทศไทยจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอุทกภัยทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จะเห็นจากเหตุการณ์ในภูมิภาค เช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาว และปากีสถานตะวันตก ที่กำลังเผชิญกับอุทกภัยที่มีความรุนแรงเช่นเดียวกัน