เผยทั่วประเทศน้ำแห้งกลาง ธ.ค.

"ชลิต" เผยสถานการณ์อุทกภัยกลับสู่ปกติ กลางเดือน ธ.ค.หลัง 16 พ.ย.น้ำท่วมกทม.เริ่มลดลง

วันนี้( 12 พ.ย.) นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กทม.ว่า หลังวันที่ 16 พ.ย.ไปแล้วสถานการณ์ในท่วมใน กทม.จะเริ่มดีขึ้นโดยจะลดระดับลงอย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนสูงแล้วจะทำให้การเร่งระบายน้ำจากพื้นที่ประสบอุทกภัยทำได้อย่างรวดเร็วจะสามารถผลักดันน้ำออกทะเลได้ถึงวันละ 300-400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

อย่างไรก็ตามน้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้งในช่วงปลายเดือนก็จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่น้ำท่วมเพราะในช่วงกลางเดือนไปแล้วระดับน้ำจะลดต่ำกว่าตลิ่งโดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้สามารถเปิดประตูระบายน้ำจากพื้นที่ได้ทุกจังหวัด ตั้งแต่ จ.ชัยนาทลงมาจนถึงอ่าวไทย ซึ่งน้ำที่ค้างอยู่ในทุ่งต่างๆทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จะไหลลงสู่แม่น้ำได้ทั้งหมดและสถานการณ์กลับสู่ปกติทั้งหมดประมาณกลางเดือน ธ.ค. รวมทั้งพื้นที่กทม.ด้วย

รายงานข่าวจากศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.เปิดเผยว่าปริมาณน้ำที่ท่วมในพื้นที่กทม.และปริมณฑลในขณะนี้มีประมาณ 1.2 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำในฝั่งตะวันออกตั้งแต่ทุ่งวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ลงมาจนถึงทุ่งรังสิตเหนือและทุ่งรังสิตใต้ มีจำนวน 9 พันกว่าล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกตั้งแต่นนทบุรี ลงมา มีประมาณ 2 พันกว่าล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำที่เข้าท่วมพื้นที่กทม.ชั้นใน มีปริมาณเพียง 200-300 ล้านลูกบาศก์เมตร

สาเหตุสำคัญที่น้ำเหนือระบายออกได้ช้าเพราะ กทม.ยังไม่ปล่อยให้น้ำระบายน้ำผ่านเข้าพื้นที่กทม.ไปออกทะเล ทำให้น้ำมีความแรงและยกระดับมากขึ้น รวมทั้งจะเห็นว่าคลองต่างๆของกทม.ชั้นในยังไม่มีน้ำ เช่น คลองเปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษม คลองสามเสน น้ำยังแห้งอยู่จึงส่งผลทำให้น้ำท่วมขังในพื้นที่รอบนอกกทม.มีระดับลึกและท่วมอยู่นาน จนเกิดแรงดันของน้ำไหลเข้าท่อระบายน้ำของ กทม.ไปท่วมในพื้นที่ต่างๆและไม่สามารถควบคุมทิศทางการไหลของนำได้ อีกทั้งศักยภาพของสถานีสูบน้ำของ กทม.มีขีดจำกัดต้องอาศัยจากกรมชลประทาน จึงทำให้การระบายน้ำออกจากพื้นที่ท่วมขังต้องใช้เวลานานอีกเกือบหนึ่งเดือน ดังนั้นประชาชนที่อาศัยในพื้นที่กทม.รอบนอกต้องอดทนอยู่กับน้ำท่วมไปอีกนานเกือบเดือน.