นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า
ในการประชุม ครม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ทุกหน่วยงาน ส่งแผนฟื้นฟูให้กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อนำไปจัดทำเป็นแผ่นพับ(โบว์ชัวร์) เผยแพร่ให้กับประชาชนได้รับทราบถึงการฟื้นฟูของรัฐบาล อย่างบูรณาการ
ทั้งนี้ มีรายงานจากที่ประชุม ครม. แจ้งว่า แนวคิดของการทำโบว์ชัวร์ของนางสาวยิ่งลักษณ์
มาจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจ เเละสังคมเเห่งชาติ (สศช.) ได้จัดทำเอกสารรายงาน มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย มาเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้สั่งการไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีเนื้อหาที่รวบรวมมาตรการจากทุกหน่วยงานไว้ครบถ้วน ซึ่งนายกรัฐมนตรีพอใจอย่างมาก และเกิดความคิดที่จะให้มีการทำเอกสารในลักษณะนี้ ออกมาเป็นแผ่นพับแล้วนำไปเผยแพร่
รายงานแจ้งว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ทุกกระทรวง ส่งข้อมูลมาตรการช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วม มายังสศช.ภายใน 24 ชั่วโมง
เพื่อเร่งจัดพิมพ์เป็นแผ่นพับ แล้วไปแจกจ่ายให้กับประชาชนใน 21 จังหวัดที่ถูกน้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นคู่มือ และได้รับทราบถึงมาตรการเยียวยา หรือการช่วยเหลือของภาครัฐในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของครัวเรือน ภาคเกษตร และผู้ประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ขอให้นายกฯยืดเวลาส่งข้อมูลเป็น 48 ชั่วโมง
เพราะกระทรวงเกษตรฯมีงานมาก เจ้าหน้าที่ทำงานหนัก และเจ้าหน้าที่บางส่วนประสบภัยน้ำท่วมเช่นกัน แต่รัฐมนตรีส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายกฯที่ให้ส่งใน 24 ชั่วโมง เพราะแต่ละกระทรวงก็มีข้อมูลดังกล่าวอยู่แล้ว ดังนั้น นายกฯจึงยืนยันว่า ต้องส่งภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ทันจริง ๆ ก็สามารถยืดเวลาได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการให้ประสานงานกับสถานีโทรทัศน์โมเดิร์น ไนน์ (ช่อง 9) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(ช่อง 11) ทำสกู๊ป หรือสปอตโฆษณา แล้วนำออกอากาศใน 2 ช่องดังกล่าว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการช่วยเหลือของภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.นี้เป็นต้นไป
ส่วนการที่รัฐบาลไม่ประกาศวันหยุดราชการเพิ่มอีกนั้น มีรายงานแจ้งว่า
เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่า แม้ภาครัฐจะหยุดงาน แต่ภาคเอกชนยังทำงานกันตามปกติ ขณะเดียวกันการให้หน่วยงานราชการหยุดยาว จะส่งทำให้ภาคธุรกิจเสียความมั่นใจในการลงทุน เพราะยิ่งให้หยุดยาว ก็จะถูกมองว่า สถานการณ์น้ำท่วมในตอนนี้ยังแย่อยู่