เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)
พร้อมด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหารบก พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 และคณะนายทหารระดับสูงลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วมโรงเรียนสายไหม (ทัศนารมย์อนุสรณ์) เขตสายไหม กทม.ซึ่งมีผู้พักพิงอยู่กว่า 100 คน โดย พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางตรวจน้ำท่วมในเขตพื้นที่เขตดอนเมือง เนื่องจากระดับน้ำสูงถึง 1 เมตรกว่า ทำให้ต้องลงเรือแอร์โบตตรวจพื้นที่
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่เขตสายไหมว่า สิ่งที่เราเป็นห่วงขณะนี้ คือความทั่วถึง
เพราะความเดือดร้อนเริ่มแผ่กระจายไปในวงกว้าง แม้ระดับน้ำจะไม่สูงมากนักแต่มีผลกระทบต่อการสัญจรไปมา โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ใกล้กับคลองต่างๆ ทั้ง 4-5 คลองที่ได้แจ้งเตือนมาแล้ว ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง ตนจึงสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ประสานการปฏิบัติกับเขตต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ เพราะนโยบายที่เราได้กำชับคือจะต้องทั่วถึง เราจะแบ่งกลุ่มงานออกเป็นกลุ่มหลักๆ คือเรื่องการดูแลน้ำ ดูแลพนังกั้นน้ำ ว่าจะต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลไม่ให้พังทลาย ส่วนที่ 2 คือ การดูแลการสัญจร อาหารต้องทั่วถึง กำลังทหารเพียงอย่างเดียวคงทำได้ไม่ทั่วถึง ถ้าเราไม่บูรณาการร่วมกับสำนักเขต กทม. สก. และ สข. ซึ่งเป็นผู้รู้ว่าประชาชนอยู่ที่ไหนบ้าง
"คิดว่าในระยะยาวถ้าน้ำท่วมขึ้นมามาก ประชาชนต้องออกมากันให้หมด ต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ อย่าดื้อดึงอยู่กันต่อไปเลย อยู่ไปก็ดูแลลำบาก พอดูแลไม่ทั่วถึงจะอดอาหาร อดน้ำ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปแจกจ่าย ซึ่งบางจุดเราก็เข้าไปไม่ถึง " พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่คนในพื้นที่สายไหมทำลายพนังกั้นน้ำ ขณะนี้กองทัพได้ทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว
ซึ่งมีหลายจุดที่มีการรื้อและพังทลายแต่เราได้เข้าไปทำความเข้าใจและอธิบาย ซึ่งก็ดีขึ้นและมีจำนวนลดลงมาก ถ้าเราไปพังพนังกั้นน้ำทั้งหมด น้ำจะเข้ากรุงเทพฯทั้งหมด เราต้องรู้จักการเสียสละ การอยู่ร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อย่ามาเลือกที่รักมักที่ชังกันตอนนี้ มันไม่ได้
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ส่วนกำลังพลต้องตระเวนตลอดเวลา ต้องแบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจน ตนพูดในฐานะผู้ปฏิบัติ เราไม่ได้ยุ่งกับรัฐบาล
ในส่วนของเราต้องแบ่งมอบพื้นที่รับผิดชอบจะได้มีความชัดเจนขึ้น แต่ถ้าทำไม่ได้ทหารจะเป็นหลักในทุกพื้นที่ วันนี้ได้คุยกับ สก. และ ผอ.เขตว่า ต่อไปนี้เราจะแบ่งพื้นที่รับผิดชอบให้ชัดเจน แบ่งโซนนิ่งแล้วทหารจะเข้าไปในทุกจุด ส่วนกำลังพลที่ดูแลน้ำท่วม ตนเพิ่มเติมตลอดตั้งแต่หมื่นคนจนขณะนี้มี 5 หมื่นคน และเรียกมาเพิ่มเติม 20 กว่ากองร้อย ส่วนที่ต่างจังหวัดได้แสตนบายไว้กว่า 2 กองร้อย ซึ่งเป็นระลอกสุดท้ายที่จะต้องมาเป็นกองหนุนให้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ ได้ติดตามจากการแจ้งข้อมูลข่าวสารจากหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้ง ศปภ. กทม.
และเท่าที่ประเมินสถานการณ์ในช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำหนุน ต้องผ่านสิ้นเดือนตุลาคมไปแล้วหรือสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน ปริมาณน้ำในทะเลจะเริ่มลดลงก็จะทำให้การระบายน้ำทำได้มากขึ้นทั้งฝั่งตะวันตก ตะวันออก และตรงกลาง แต่ส่วนตรงกลางจะได้รับผลกระทบมากกว่าส่วนอื่นเพราะน้ำจะทะลักเข้ามาใน กทม.และประชาชนจะเดือดร้อน แต่จะทำอย่างไรได้เพราะถ้าเรากั้นไว้หมดน้ำก็ลงทะเลไม่ได้ ทั้งเจ้าพระยา ท่าจีน และบางประกง เราต้องนำน้ำลงทะเลให้หมด ถ้าทะเลไม่ดันไว้น้ำก็จะระบายได้มากขึ้น ขอให้ทุกคนอดทนอีกสักระยะหนึ่ง อย่างที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ว่าประมาณ 7-10 วัน จะรอดูสถานการณ์อีกครั้ง
"ช่วงนี้ต้องคิดกันว่าจะทำอย่างไรถึงจะอยู่ร่วมกันได้ ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ต้องช่วยกันทำหน้าที่ดูแลประชาชน ทหารไม่ต้องการเป็นพระเอก แต่ขอเป็นผู้ช่วยให้สำนักงานเขต กทม. รัฐบาลมาเป็นพระเอก มันเป็นหน้าที่ของทหาร ทหารมีหน้าที่ในการสนับสนุน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในส่วนของทหารก็พยายามจะแก้ในส่วนที่มีปัญหา ซึ่งเราแก้ได้ แต่เราจะไม่ไปละลาบละล้วงในหน่วยงานอื่น เราพร้อมจะช่วยทุกหน่วยงาน ถ้ามีปัญหาก็บอกเรามา เราจะสนับสนุนให้เท่าที่เราสามารถทำได้ เราจะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราจะทำหน้าที่เป็นทหารของประชาชนให้มากที่สุด ต้องให้กำลังใจเขาด้วย ทั้งเขต สก. สข. กทม.และรัฐบาล ต้องให้กำลังใจเขาให้หมด