ระดับน้ำ“กรุงเก่า” ลดลง 70-80 ซม. วางแผนเร่งสูบน้ำกู้นิคมอุตสาหกรรม ถนนเริ่มใช้งานได้
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. มีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ว่าขณะนี้โดยรวมทรงตัวและเริ่มลดลงแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่รอบเกาะเมือง ระดับน้ำลดลงเฉลี่ย 70-80 ซม. มีการนำหินคลุก 4,500 คิว เทที่คอสะพานนเรศวรที่มีน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร เทจนสูงกว่าระดับน้ำไปเชื่อมกับถนนอู่ทองรอบเกาะเมือง รถเล็กสามารถสัญจรรอบเกาะเมืองได้ โดยตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่เทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ยังคงเร่งนำดินและหินคลุกเข้าอุดรอยรั่วตามแนวคันดินจุดต่างๆรอบเกาะเมือง เพื่อกู้เกาะเมือง แต่การทำงานมีอุปสรรคเนื่องจากประชาชนได้กลับเข้าบ้านพัก ทำให้กีดขวางการทำงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจร ส่วนประชาชนในศูนย์อพยพต่าง เริ่มทอยกลับบ้านแล้ว
ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า–ไฮเทค อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าของโรงงาน และกลุ่มพนักงาน เร่งขนย้ายชิ้นส่วนอะไหล่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจมน้ำมาบรรทุกใส่เรือขนขึ้นรถตู้คอนเทนเนอร์ ที่จอดอยู่ริมถนนสายเอเชีย เพื่อนำไปยังพื้นที่อื่น โดยชิ้นส่วนที่เป็นอะไหล่ซึ่งผลิตเสร็จแล้วและรอที่จะส่งให้ลูกค้าในช่วงน้ำท่วม จะถูกลำเลียงไปส่งให้ลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศทางเรือ และเครื่องจักรบางส่วนจะนำไปติดตั้งที่โรงงานแห่งที่ 2 ในวันที่ 10 พ.ย. ทางนิคมจะปิดและห้ามเข้าออกนิคมฯ จะเริ่มมีการซ่อมแซมแนวกั้นน้ำและสูบน้ำออก
นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าในวันที่ 10 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป เจ้าหน้าที่ทหารและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จะไม่อนุญาตให้ทุกบริษัทเข้าไปขนอุปกรณ์เครื่องมือ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมอีก เนื่องจากจะมีการเริ่มซ่อมแนวพนังกั้นน้ำในจุดที่น้ำกัดเซาะพังลง หลังจากนั้นในวันที่ 16 พ.ย.เป็นต้นไป จะเริ่มมีการสูบน้ำออกจากนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า-ไฮเทค ซึ่งหากยังปล่อยให้มีการใช้เรือขนอุปกรณ์เข้า – ออก อยู่ในช่วงที่มีการซ่อมแนวป้องกันน้ำท่วมรอบนิคมอุตสาหกรรม จะทำให้แนวป้องกันน้ำท่วมทรุดตัวเพิ่มลงไปอีก การกู้นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ ได้ตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูระดับจังหวัด ซึ่งระดมมาจากทุกภาคส่วนเพื่อกำหนดขั้นตอนแผนการทำงานในทุกระยะแล้ว โดยแผนการสูบน้ำออกจากนิคมอุตสาหกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1พ.ย.) และตลอดเดือนพ.ย.
โดยในช่วงวันที่ 1- 15 พ.ย. จะเป็นการเสริมคันดินรอบพื้นที่ให้แข็งแรงและสูงกว่าระดับน้ำด้านนอกนิคมอุตสาหกรรม จากนั้นจะสูบน้ำออกจากพื้นที่ในวันที่ 16-30 พ.ย. คาดว่าทั้งหมดจะกลับมาเปิดทำการปกติได้ภายในปีนี้
มีรายงานด้วยว่า หลังจากสถานการณ์น้ำที่ในจ.พระนครศรีอยุธยา ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมถนนสายเอเชีย ขณะนี้สายเอเชีย ตั้งแต่ กม.ที่ 1 บริเวณต่างระดับบางปะอิน มุ่งหน้าจ.อ่างทอง สามารถใช้การได้และ หลายช่วงที่ถนนพังชำรุดเสียหาย เจ้าหน้ากรมทางหลวง ได้ระดมเครื่องมือหนัก ซ่อมแซ่ถนนที่ชำรุดเสียหาย จากน้ำกัดเซาะ เปิดช่องทางพิเศษ โดยให้รถวิ่งสวนทางบริเวณต่างระดับอยุธยา ถึงหน้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 กม.ที่ 21-23 มีรถวิ่งสวนทางกัน
นอกจากนั้นบริเวณ กม.ที่ 26+300 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง รถยนต์ไม่สามารถยูเทรินใต้สะพานบ่อโพงได้ เพื่อเข้าตัวอ.นครหลวง เพราะระดับน้ำยังท่วมสูงในจุดกลับรถ กรมทางหลวงต้องถมหินคลุกทำทางข้ามเกาะกลางถนนเป็นจุดกลับรถแทน