เมื่อ 29 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวผ่านรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน"
ถึงเหตุการณ์น้ำวันนี้มีผลกระทบในวงกว้าง ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. มีการประชุมร่วมกับคณะทำงานบริหารจัดการน้ำ พร้อมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เกษตรและสหกรณ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงรองผู้ว่าราชการกทม. และอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมรายงานสถานการณ์
ท่ามกลางข่าวสารที่กังวลใจเรื่องทะเลหนุนสูง ยังมีข่าวดีจากรายงานว่า
ภาพรวมสถานการณ์ภาคกลางเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ระดับน้ำจ.นครสวรรค์ และชัยนาทเริ่มลดลง น้ำที่ท่วมทุ่งและพื้นที่เกษตรไหลเข้าสู่ลำน้ำสาขาต่างๆ ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาก็ลดลง คาดการณ์ว่าจะลดต่ำลงเป็น 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในช่วงต้นเดือพฤศจิกายน
สำหรับจ.พระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอ.บางไทร น้ำเริ่มลดลงทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงจ.นนทบุรี ปทุมธานี และตอนเหนือของกทม. ก็เริ่มทรงตัว
นายกฯ กล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของคณะจัดการในการเร่งรัด รองรับน้ำทะเลหนุนเป็นช่วง มาตรการระบายน้ำช่วง 25 ต.ค. -5 พ.ย. แบ่งเป็น 2ฝั่งคือ ตะวันออกคือ ลดปริมาณน้ำเหนือคันน้ำแนวพระราชดำริ คลองรังสิต และ หกวาสายล่าง โดยให้กรมชลฯเร่งบริหารจัดการน้ำคลองข้าวเม่า และคลองสาคู ให้กรมชลฯ เร่งระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำตั้งแต่ประตู 6-13 บริเวณคลองหกวาสายล่าง เร่งเสริมเครื่องสูบและผลักดันน้ำทุกจุด
และยังมอบหมายให้กทม. และการประปา เร่งระบายน้ำ หรือไซฟอน เพื่อเสริมการระบายน้ำบริเวณดังกล่าว รวมถึงให้เร่งระบายน้ำลงคลองแสนแสบ แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ
สำหรับการระบายน้ำฝั่งตะวันตก เห็นว่า ยังเป็นไปได้ยากจึงหารือให้เร่งดำเนินการ โดยมอบให้กรมชลฯเร่งอุดรอยรั่วตามคันกั้นน้ำแนวแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก โดยใช้แผ่นเหล็กอุดรอยรั่ว บริหารจัดการน้ำเพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำท่าจีน และเจ้าพระยา บริหารจัดการน้ำเป็น 3 ส่วน คือ ทุ่งเจ้าเจ็ด จ.สุพรรณบุรี ทุ่งเจ้าพระยาบรรลือ และทุ่งพระพิมล จ.นครปฐม
สำหรับการเร่งระบายน้ำจะเป็นส่วนระบบระบายน้ำของกทม.ผ่านคลองทวีวัฒนา คลองภาษีเจริญ และคลองมหาชัย
หากเร่งระบายน้ำตามที่เรียนไว้และทุกส่วนเร่งดำเนินการก็สามารถลดปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่กทม. รักษาคันกั้นน้ำแนวพระราชดำริ และควบคุมปริมาณน้ำในกทม.ได้ คาดว่าน้ำที่ท่วมในกทม.จะเริ่มลดลงในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการประมาทขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและการทำงานของรัฐบาลเป็นระยะ